เปิดสูตรสำเร็จ ต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไทย สู่ความเป็นหนึ่งในใจลูกค้า

หนึ่งในธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยคือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น แต่พฤติกรรมการใช้จ่ายได้เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างรอบคอบ รวมถึงมุ่งเน้นคุณภาพและความสะดวกสบายมากกว่าการเลือกสินค้าที่มีส่วนลดหรือราคาถูก ความเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นความท้าทายสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจ F&B ต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับยุคสมัยใหม่

ล่าสุด LINE ประเทศไทย ได้จัดงานสัมมนา Food & Beverage Industry Insights โดยมีจิตวิสุทธิ์ จุฑาวิจิตร หัวหน้าที่ปรึกษาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ร่วมด้วย ศิรดา แสงทองสุข และ เพียงนภา มงคลใหม่ ที่ปรึกษาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม LINE ประเทศไทย มาร่วมเจาะลึกถึงโอกาสและความท้าทายในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมเผย 4 กลยุทธ์สำคัญสำหรับการปรับตัวของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในตลาดไทย และนำเสนอโซลูชันจาก LINE ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

สร้างจุดขายที่แตกต่าง สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าประทับใจ

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รอบด้าน ครบครัน เพื่อเปลี่ยนลูกค้าปัจจุบันให้กลายเป็นลูกค้าประจำและรักในตัวแบรนด์ ปัจจุบัน มากกว่า 85% ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทย มีการใช้ LINE OA เป็นด่านแรกในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ด้วยการเชื่อมต่อ LINE OA กับระบบต่างๆ ของแบรนด์ผ่าน LINE API เพื่อให้บริการที่หลากหลายบน LINE OA เช่น การจองคิว สมัครสมาชิก สะสมแต้ม เล่มเกมเพื่อลุ้นรับสิทธิพิเศษ ไปจนถึงการสร้างแชตบอทบน LINE OA ไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นคอลเซนเตอร์ รับออเดอร์เบื้องต้นให้ลูกค้าได้ ลดภาระพนักงานไปด้วยในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นยอดขายแต่ยัง ต่อยอดสู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าได้ด้วยประสบการณ์ที่น่าประทับใจบน LINE OA

หนึ่งในตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้งาน LINE OA ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ซึ่งมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและตรงใจให้สมาชิกผ่าน LINE OA โดยเฉพาะในกลุ่ม GON Gang Member ที่มีสมาชิกถึง 3 ล้านคน โดยมีการเชื่อมต่อ LINE API กับระบบสมาชิก ทำให้ LINE OA สามารถให้โปรโมชั่นกับสมาชิกได้แบบ Automate และ Personalized ถูกที่ ถูกเวลา ตรงใจสมาชิก GON Gang ทุกคน

อีกหนึ่งจุดเด่นคือระบบ “GON ORDER-TO-PAY” ให้ลูกค้าสามารถ “สั่ง-จ่าย-จบ” ผ่าน QR Code เดียว จากการทดลองใช้พบว่า ระยะเวลาที่ลูกค้ารอหลังสั่งออเดอร์แรกเร็วขึ้น 46% จากเดิม 10 นาที ลดเหลือ 5.4 นาที และช่วยประหยัดเวลาการชำระเงินที่โต๊ะได้เร็วขึ้นถึง 87% จากเดิม 10 นาทีเหลือเพียง 1.3 นาที รวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะ GON Gang Member ในการเห็นคูปองและโปรโมชั่นก่อนสั่งอาหาร และสามารถรวมคูปองจากเพื่อนในโต๊ะได้เพื่อเพิ่มความคุ้มค่า นับเป็นการออกแบบระบบโดยเน้น User Experience Design เพื่อให้การบริการสะดวก รวดเร็ว และช่วยให้พนักงานมีเวลาในการดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าทั้งในเรื่องความสะดวกและประสิทธิภาพ

รู้จัก รู้ใจ เข้าถึงลูกค้าได้ด้วยดาต้า

การรู้จักและเข้าใจลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ การเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า หรือ 1st Party Data จึงเป็นขุมทรัพย์ที่ทุกแบรนด์ต้องสร้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง LINE มีโซลูชั่นที่ครบวงจรสำหรับการเก็บและบริหารจัดการข้อมูล เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถต่อยอดทำแคมเปญการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างแม่นยำและตรงกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ในการเก็บข้อมูล แบรนด์ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเภทข้อมูลที่ต้องการและประโยชน์ที่ข้อมูลนั้นจะสร้างให้กับธุรกิจ

ปัจจุบัน LINE มีโซลูชันการเก็บข้อมูลสองรูปแบบ: การเก็บข้อมูลด้วยการเชื่อมต่อผ่าน LINE API ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลบน LINE OA กับฐานข้อมูลของแบรนด์ โดยรูปแบบนี้เหมาะกับแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีระบบฐานข้อมูล (CDP) เป็นของตนเอง แต่สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มต้นการเก็บข้อมูลลูกค้า สามารถใช้ ‘สติกเกอร์’ ที่มีรูปแบบหลากหลายตามจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไปของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น การใช้ Mission Stickers ร่วมกับฟีเจอร์แบบสอบถามของ MyCustomer เพื่อเก็บข้อมูลโดยตรงจากผู้บริโภคได้ โดยแบรนด์สามารถนำข้อมูลที่ได้ มาจัดเก็บและบริหารจัดการผ่านเครื่องมือ MyCustomer ช่วยให้แบรนด์สามารถจำแนกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อออกแบบการนำเสนอสินค้า การสื่อสารและโฆษณาแบบ Personalize ไปยังผู้ใช้แต่ละคน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการสื่อสารให้กับแบรนด์

สร้างประสบการณ์แบบ Personalize

หนึ่งในเทรนด์ที่กำลังมาแรงในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้าง นำเสนอประสบการณ์แบบ Personalize ไม่ว่าจะเป็นในเชิงการออกแบบผลิตภัณฑ์ สินค้า เช่น การนำ AI มาช่วยออกแบบรสชาติใหม่ และในเชิงการสื่อสาร นำเสนอคอนเทนต์ เช่น ช่วยให้คำแนะนำด้านโภชนาการเฉพาะบุคคล เป็นต้น สำหรับประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์นี้เช่นกัน แต่เป็นไปในเชิงการทำการสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Communications) โดยหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการสื่อสารแบบ Personalize บน LINE คือ การลงโฆษณาผ่าน LINE Ads ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เม็ดเงินการลงทุนในโฆษณาบน LINE Ads จากกลุ่มธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ถึง 22% และด้วยประสิทธิภาพของระบบโฆษณา ทำให้ผลอัตราการเห็นโฆษณา (Impression) บน LINE Ads ของลูกค้ากลุ่มธุรกิจนี้เติบโตถึง 86% แซงหน้าการเติบโตของเม็ดเงินลงทุน (Spending) ถึง 4 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า LINE Ads เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับสื่อสาร นำเสนอประสบการณ์แบบ Personalize สำหรับกลุ่มธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี

และในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา LINE Ads ยังได้พัฒนา เพิ่มตัวเลือกกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณา (Persona Targeting) ให้หลากหลาย ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์มีการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม ผลการทดสอบจาก LINE พบว่าการใช้ Persona Targeting ที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม จะช่วยเพิ่ม CTR ให้สูงขึ้นได้ 17% และเพิ่มอัตราการตอบสนองต่อโฆษณา (CVR) ได้สูงขึ้นถึง 4 เท่า

สร้างแบรนด์ให้อยู่ในกระแส มองเห็นได้ตลอดเวลา

ในยุคที่ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนใจไปทดลองแบรนด์ใหม่อยู่ตลอดเวลา การทำให้แบรนด์อยู่ในกระแส การรับรู้ของลูกค้าอยู่เสมอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ยังคงเป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญให้ผู้บริโภคไทยมองเห็นและจดจำแบรนด์ได้ ด้วย LINE เป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์คนไทยที่เข้าใช้เกือบทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะโฆษณาแบบ Reservation Ads ที่แบรนด์สามารถระบุเลือกวันและตำแหน่งที่เหมาะสมเองได้ อาทิ โฆษณาตำแหน่ง Smart Channel ด้านบนหน้ารายการ Chat ที่เข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคนในไทย โฆษณาบน LINE VOOM เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้ใช้ที่ชอบดูคลิปวิดีโอที่น่าสนใจ LINE TODAY ฮับคอนเทนต์ในการติดตามข่าวสารระหว่างวันบน LINE ที่มียอดผู้ใช้เกิน 40 ล้านคน เป็นต้น

ทั้งนี้ โฆษณาตำแหน่ง Smart Channel ยังคงได้รับความนิยมมากสุดสำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทย เพื่อโปรโมทแคมเปญใหญ่ที่หวังผลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วได้ พร้อมส่งลูกค้าไปยังหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางอีคอมเมิร์ซเพื่อปิดการขายได้ในทันที ในขณะที่ Destop Ads ถือเป็นโฆษณาอีกหนึ่งตำแหน่งที่มาแรง ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนวัยทำงานได้ดีเยี่ยม ด้วยยอดการแสดงการโฆษณา (Impression) สูงกว่า 40 ล้านครั้งในช่วงวันทำงาน นอกจากนี้ ยังพบว่า แบรนด์ยังมีการลงโฆษณาตำแหน่ง Smart Channel ควบคู่กับโฆษณารูปแบบ Master Banner บน LINE TODAY ไปพร้อมกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สร้างการรับรู้ การจดจำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างทวีคูณ

ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นทุกวัน ไม่เพียงขยายฐานลูกค้าใหม่ แต่แบรนด์ควรสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นในกลุ่มลูกค้าเดิมไปพร้อมกัน LINE พร้อมเป็นตัวช่วยสำคัญตอบโจทย์แบรนด์กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทยได้ในทั้งสองด้าน เพื่อการสื่อสาร การตลาดที่มีประสิทธิภาพ ตรงใจลูกค้าอย่างแท้จริง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่สนใจใช้งานแพลตฟอร์มหรือโซลูชั่นต่างๆ บน LINE สามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อติดต่อสอบถามทีมที่ปรึกษาธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทยได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/contact หรือเลือกติดต่อพันธมิตรเอเจนซี่ของ LINE ได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/partner