แอลจี เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567

สร้างสถิติการทำรายได้สูงสุดในช่วงไตรมาส 3 และคงการเติบโตต่อเนื่องปีต่อปีติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด (แอลจี) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 กวาดรายได้รวม 22.18 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 53.99 แสนล้านบาท) และกำไรจากการดำเนินงานที่ 751.9 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.83 หมื่นล้านบาท) ถือเป็นสถิติการทำยอดรายได้รวมสูงสุดที่เคยมีมาสำหรับไตรมาส 3 ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานสูงเป็นอันดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของบริษัท

ในช่วงไตรมาส 3 มีปัจจัยภายนอกหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการชะลอการฟื้นตัวของดีมานด์ในตลาดที่ยืดเยื้อออกไป และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยความท้าทายเหล่านี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขนส่งระหว่างประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น

แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยที่เป็นอุปสรรคดังกล่าว แอลจียังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้แบบปีต่อปีได้อย่างต่อเนื่องถึง 4 ไตรมาสติดต่อกัน ด้วยการยกระดับพอร์ตโฟลิโอทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการและโมเดลทางธุรกิจ และการขยายการดำเนินงานในภาคธุรกิจ B2B สิ่งเหล่านี้ช่วยให้แอลจีสามารถชดเชยเรื่องการเพิ่มขึ้นของต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางส่วน และทำให้บริษัทสามารถรักษาผลกำไรได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันขั้นพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

ในอนาคต แอลจีวางแผนที่จะขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนทางธุรกิจให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการขยายบริการสมัครสมาชิก (Subscription) การขายให้ผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ (D2C) และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าที่เน้นยอดขายจำนวนมาก (Volume Zone) นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภาคธุรกิจ B2B พร้อมทั้งการขยายธุรกิจด้านคอนเทนต์และธุรกิจด้านบริการบนแพลตฟอร์มอีกด้วย

สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศของแอลจี สร้างรายได้ในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่า 8.34 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 527.2 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดรายได้รวมเติบโตขึ้น 11.7% และกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้น 5.5% และถึงแม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ท้าทาย ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของแอลจีก็ยังสามารถทำผลงานได้ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ตอกย้ำถึงศักยภาพในการแข่งขันระดับแนวหน้า แม้ว่าความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกจะฟื้นตัวอย่างล่าช้าก็ตาม แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก และธุรกิจ HVAC (เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์) สำหรับกลุ่ม B2B ก็ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งปีหลังจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรจากการดำเนินธุรกิจ แต่บริษัทก็ยังสามารถทำผลงานได้ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยการเติบโตของรายได้และศักยภาพการแข่งขันในด้านการผลิตที่โดดเด่น

สำหรับในช่วงไตรมาส 4 มีการคาดการณ์ว่าสภาพตลาดจะค่อยๆ ฟื้นตัว ตามการปรับตัวในเชิงบวกของดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นตลาดสำคัญ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยแอลจีวางแผนที่จะกระจายสายการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่ พร้อมทั้งขยายธุรกิจใหม่เช่น บริการสมัครสมาชิก และการขายให้ผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้ โดยบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการตลาดตามช่วงเวลาสำคัญต่างๆ เพื่อรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไร

ด้านกลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีมูลค่าผลประกอบการในไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.75 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 49.4 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท) โดยมีรายได้เติบโตขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากยอดจัดส่งที่เพิ่มขึ้นในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับทีวี OLED แม้ว่าจะมีภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาจอ LCD แต่การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจคอนเทนต์และการให้บริการบนแพลตฟอร์ม webOS ก็ช่วยลดผลกระทบต่อกำไรในภาพรวมได้

มีการคาดการณ์ว่าตลาดทีวีในช่วงไตรมาส 4 จะมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับเริ่มต้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแอลจีมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นตามความเปลี่ยนแปลงของความต้องการในตลาดทีวี พร้อมเร่งการเติบโตผ่านการขยายความร่วมมือด้านแพลตฟอร์ม webOS เพื่อเพิ่มฐานผู้ใช้งานให้มีจำนวนมากขึ้น

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจี มียอดรายได้ในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่า 2.61 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 1.1 พันล้านวอน (หรือประมาณ 27 ล้านบาท) โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการชะลอตัวของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน อันเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (SDV) และการลงทุนล่วงหน้าเพื่อรองรับการผลิตตามปริมาณคำสั่งซื้อ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าตลาดในไตรมาส 4 จะยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเติบโตมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงตัว โดยแอลจีมีแผนที่จะมุ่งเน้นการเติบโตของยอดขายจากฐานคำสั่งซื้อที่มีอยู่ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของตำแหน่งทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งรวมถึงระบบเทเลเมติกส์ ระบบนำทางและความบันเทิงในรถยนต์ และมอเตอร์ นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกด้านอย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นการสร้างผลกำไร

กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กร มีผลประกอบการในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท) และขาดทุนจากการดำเนินงาน 76.9 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.9 พันล้านบาท) โดยรายได้เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ อาทิ จอเกมมิ่งมอนิเตอร์ และป้าย LED รวมถึงการได้รับคำสั่งซื้อขนาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ในกลุ่มลูกค้าองค์กร อย่างไรก็ตาม การขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากราคาจอ LCD ที่ปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และการเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาธุรกิจใหม่ภายในบริษัท

ในไตรมาส 4 คาดการณ์ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ รวมถึงจอเกมมิ่งมอนิเตอร์และป้าย LED จะเติบโตในอัตราเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI PC) มีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการแล็ปท็อประดับ พรีเมียม บริษัทจึงวางแผนที่จะขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์และมุ่งเน้นการปรับปรุงผลกำไรผ่านการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ภายหลังจากมติคณะกรรมการบริษัทในเดือนที่ผ่านมา แอลจีได้ตัดสินใจยุติการดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่ ส่งผลตั้งแต่การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องจะได้รับการจัดประเภทเป็นการดำเนินงานที่ถูกยกเลิกในงบการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงตัวเลขรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานย้อนหลังด้วย