หัวเว่ย คลาวด์: ที่สุดแห่งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI ชู 10 นวัตกรรมเชิงระบบในงาน MWC 2024

การประชุมสุดยอดหัวเว่ย คลาวด์ ซัมมิท (Huawei Cloud Summit) ตอกย้ำความเป็นเลิศของหัวเว่ย คลาวด์ ด้านความเป็นที่สุดแห่งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI โดยงานประชุมจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘รุดหน้าสู่ความอัจฉริยะด้วยทุกสิ่งในรูปแบบบริการ’ (Accelerate Intelligence with Everything as a Service) ซึ่งมีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 รายจากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าร่วม เช่น ธุรกิจบริการเครือข่าย ธุรกิจการเงินและอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์เผย 10 นวัตกรรมสุดล้ำเพื่อ AI และความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านของผานกู่ โมเดล (Pangu Model) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ AI และประยุกต์ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมแต่ละสาขาเพื่อก้าวสู่ยุคอัจฉริยะได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายจิม ลู่ ประธานภูมิภาคยุโรปและรองประธานอาวุโสของหัวเว่ย กล่าวย้ำระหว่างสุนทรพจน์ว่า “ระบบอัจฉริยะจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ให้ยุโรปในทศวรรษหน้า เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีไอซีทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกปลดล็อกศักยภาพสู่ความอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อผนึกกำลังกับพันธมิตรในยุโรป เราจะพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและยุคอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

แจ็คเกอลีน สือ ประธานฝ่ายการตลาดและบริการขายระดับโลกของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า “หัวเว่ย คลาวด์ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทีมงานของเราทุกคนทุ่มเทเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดและนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เปิดตัว Could Region ในไอร์แลนด์, ตุรกี, อินโดนีเซีย, ซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงระบบคลาวด์ประสิทธิภาพสูงได้ง่ายขึ้น หัวเว่ยมีการรับรองด้านความปลอดภัยมากกว่า 120 ฉบับทั่วโลก มอบความมั่นใจว่าธุรกิจและข้อมูลของคุณจะปลอดภัย นอกเหนือจากการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำ เรามุ่งผลักดันพาร์ทเนอร์ให้เติบโตไปพร้อมกัน และบรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยโครงการ GoCloud และ GrowCloud ในขณะที่ เทคโนโลยี AI ปัจจุบันกำลังพลิกโฉมทุกสิ่ง และเรามุ่งยืนหยัดในระดับแนวหน้าเพื่อวางรากฐานระบบคลาวด์ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ในทุกอุตสาหกรรมเพื่อพุ่งทะยานสู่ความอัจฉริยะ”

โมเดลพื้นฐานในปัจจุบันสร้างนิยามใหม่ของการผลิต, ปฏิสัมพันธ์, กระบวนทัศน์การบริการ และโมเดลธุรกิจสำหรับการใช้งานแบบดั้งเดิม AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือผลักดันการเติบโตของการประมวลผลบนคลาวด์ ถึงแม้ว่า AI จะมีศักยภาพมากมาย แต่การนำไปใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจต้องมีนวัตกรรมเชิงระบบที่เหมาะสม บรูโน จาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า “หัวเว่ย คลาวด์จะช่วยคุณด้วยสองกลยุทธ์หลัก กล่าวคือ AI for Cloud ที่ใช้ AI และโมเดลพื้นฐานในการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน โดยพลิกโฉมการพัฒนาซอฟต์แวร์ การผลิตคอนเทนต์ดิจิทัลและ สิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย และอีกข้อคือ Cloud for AI ที่ทำให้การใช้ AI ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยใช้นวัตกรรมเชิงสถาปัตยกรรม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ AI Native และการผสานข้อมูลกับ AI ทำให้การฝึกและใช้งาน AI มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย”

วิลเลียม ฟาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย คลาวด์ เน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เนื่องจาก AI และโมเดลพื้นฐานพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว ลูกค้าต้องการการทำงานร่วมกันระหว่างสถาปัตยกรรมการประมวลผลที่ต่างกัน การประมวลผลแบบคลาวด์ เนทีฟ (Cloud Native) ประสิทธิภาพสูง พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัย การกำกับดูแลที่ลดความสูญเปล่า และความยืดหยุ่นด้านการใช้งาน เมื่อโมเดลพื้นฐานขยายไปสู่การใช้งานที่กว้างขึ้น การประมวลผลบนคลาวด์จะช่วยบ่มเพาะนวัตกรรมและ การพัฒนาโมเดล AI ดังนั้น การผสานการทำงานระหว่าง AI กับคลาวด์จะปลดปล่อยศักยภาพความอัจฉริยะให้รุดหน้า โดยหัวเว่ย คลาวด์มุ่งมั่นผลักดันการบูรณาการนี้ให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสูงสุดของลูกค้า

ในการประชุมสุดยอดหัวเว่ย คลาวด์ ซัมมิท หัวเว่ย คลาวด์เปิดตัว 10 นวัตกรรมล้ำสมัยที่มุ่งรองรับ AI ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สำหรับ AI อย่างแท้จริง

คูเวิร์ส (KooVerse): หัวเว่ย คลาวด์มี Availability Zone (AZ) 85 แห่งใน 30 ภูมิภาค ในกว่า 170 ประเทศ โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลกนี้ครอบคลุมการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัย ขั้นสูง ที่ลดค่าความหน่วงลงเหลือเพียง 50 มิลลิวินาที

สถาปัตยกรรมชิงเทียนแบบกระจาย (Distributed QingTian architecture): โมเดลพื้นฐานต้องการทรัพยากร การประมวลผลเพิ่ม 10 เท่าทุก 18 เดือน ซึ่งเหนือกว่ากฎของมัวร์ (Moore’s Law) มาก เพื่อรับมือความท้าทายนี้ สถาปัตยกรรมชิงเทียนแบบกระจายได้พัฒนาจากสถาปัตยกรรมหลักและรองแบบดั้งเดิม และเนื่องจากสร้างบนบัสความเร็วสูง (Unified Bus) ชิงเทียนจึงก้าวข้ามขีดจำกัดด้านการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บ และเครือข่ายในกลุ่มแกนหลักการประมวลผล AI ขั้นสูงที่ประมวลผลด้วยเครือข่ายแบบ peer-to-peer ด้วยฐานข้อมูลต่างชนิดกัน

การประมวลผล AI (AI compute): บริการ AI บนคลาวด์ขนาดมหึมาและเสถียรภาพสูง รองรับการฝึกโมเดลพื้นฐานได้ในระดับล้านล้านพารามิเตอร์ ทำการฝึกอบรม AI บนคลัสเตอร์ที่มีการ์ดนับพันใบต่อเนื่องได้เป็นเวลา 30 วัน โดยประสิทธิภาพการทำงานสูงถึง 90% มีช่วงเวลาหยุดให้บริการไม่เกิน 10 นาที ใช้การประมวลผลผ่านผานกู่ โมเดล (Pangu Model) มากกว่า 100 ชุด พร้อมด้วยโมเดลโอเพนซอร์สขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงแล้ว 100 รายการ

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ AI-Native (AI-Native storage): โมเดลการฝึกอบรมต้องการข้อมูลมหาศาล หัวเว่ย คลาวด์รับมือกับความต้องการนี้ด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ บริการหน่วยความจำ EMS ที่จัดเก็บพารามิเตอร์หลายเพตะไบต์ด้วยแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ถึง 220 TB พร้อมค่าความหน่วงต่ำระดับไมโครวินาที; บริการ Cache SFS Turbo พร้อมประสิทธิภาพการประมวลผลเหนือระดับและทำงานพร้อมกันด้วยความเร็วหลายสิบล้าน IOPS ทำให้บันทึกข้อมูล 1 พันล้านรายการในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง จากเวลาปกติ 100 ชั่วโมง และแหล่งเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Object Storage Service (OBS) ที่ลดต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลการฝึกอบรมและการอนุมานลงถึง 30%

การรักษาความปลอดภัย E2E (E2E security): วงจรการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมสภาพแวดล้อมการทำงานของโมเดลทั้งข้อมูลการฝึก, โมเดล, เนื้อหาที่สร้างขึ้นและแอปพลิเคชัน เพิ่มความมั่นใจได้ว่าจะเป็นโมเดลและแอปพลิเคชันที่มีความเสถียร ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อกำหนด

เกาส์ดีบี (GaussDB): คลังข้อมูลยุคใหม่พร้อมใช้งาน ทั้งยังเปี่ยมประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, ความยืดหยุ่นและความอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังปรับใช้งานและโยกย้ายได้ง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาปัตยกรรมแบบกระจายที่รองรับ ความต้องการระดับองค์กร ยกระดับความพร้อมใช้งานด้วยจุดกู้คืนข้อมูล (RPO) คลัสเตอร์คู่แบบ zero intra-city, แยกการขัดข้องระหว่างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์โดยไม่หยุดการทำงาน เกาส์ดีบี (GaussDB) ได้รับการรับรองความปลอดภัยระดับ CC EAL4+ ซึ่งเป็นระดับความปลอดภัยสูงสุดในอุตสาหกรรม สำหรับระบบอัตโนมัติ เกาส์ดีบี (GaussDB) ยกระดับการโยกย้ายฐานข้อมูล การใช้งาน และการโยกย้ายในรูปแบบฐานข้อมูล AI เนทีฟชุดแรกของโลก

ดร. นิโคส เอ็นตาร์มอส ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฐานข้อมูล สถาบันซอฟต์แวร์ส่วนกลางของหัวเว่ย กล่าวย้ำว่า GaussDB เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ด้านฐานข้อมูลของหัวเว่ยเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี นอกจากนี้ศักยภาพการบริการระดับองค์กรอันเป็นที่ยอมรับมานานกว่า 30 ปี GaussDB จึงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้ใช้คลาวด์ทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการด้านธุรกรรมและการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง

การผสานระหว่าง Data และ AI (Data-AI convergence): ปลดปล่อยศักยภาพเต็มรูปแบบของโมเดลพื้นฐาน จาก “Data+AI” เป็น “Data4AI และ AI4Data” หัวเว่ยคลาวด์ เลคฟอร์เมชัน (Huawei Cloud LakeFormation) รวมข้อมูลมหาศาลจาก Data Lake หรือคลังสินค้าหลายแห่ง และสามารถใช้ชุดข้อมูลเพียงชุดเดียวกับกลไกการวิเคราะห์ข้อมูลและกลไก AI อื่น ๆ โดยปราศจากการโยกย้ายข้อมูล ก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง DataArts, ModelArts และ CodeArts จากนั้นจัดระเบียบและกำหนดข้อมูลและขั้นตอนการทำงานของ AI ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะขับเคลื่อนการฝึกอบรมแบบออนไลน์และการอนุมานด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ กลยุทธ์ AI4Data ทำให้การกำกับดูแลข้อมูลมีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น ตั้งแต่การบูรณาการข้อมูล การพัฒนา ไปจนถึงการจัดการคุณภาพและสินทรัพย์

โครงสร้างพื้นฐานสำหรับสื่อ (Media infrastructure): หัวเว่ย คลาวด์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสื่อที่เปี่ยมประสิทธิภาพเพื่อรองรับยุคทองของการสร้างคอนเทนต์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) และอินเทอร์เน็ต 3 มิติ (3D Internet) ที่มอบประสบการณ์สดใหม่และพลิกโฉมวงการโดยสิ้นเชิง เจมี หลู ประธานฝ่ายบริการสื่อหัวเว่ย คลาวด์ เผยว่า หัวเว่ย คลาวด์ ปรับโฉมและบูรณาการบริการด้านสื่อด้วยโซลูชันล้ำสมัยที่ออกแบบเฉพาะอุตสาหกรรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ Huawei Cloud MetaStudio รวมบริการผลิตคอนเทนต์ที่มาพร้อม Workspace และมนุษย์เสมือนจริงจาก AIGC ช่วยเพิ่มคุณภาพและย่นเวลาการผลิตเนื้อหา ในด้านประสบการณ์โซลูชัน Huawei Cloud Live, Low Latency Live และ SparkRTC มอบประสบการณ์ไลฟ์สดที่น่าจดจำ และในด้านการพลิกโฉมวงการสื่อ หัวเว่ย คลาวด์มอบบริการ AIGC และ 3D space ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ ทุกบริการดังกล่าวช่วยต่อยอดธุรกิจและยกระดับประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้น

การจัดการพื้นที่ใช้งาน (Landing Zone): ลูกค้าองค์กรใช้งานและจัดการทรัพยากรได้ดีขึ้นบนหัวเว่ย คลาวด์ ด้วยการบริหารแบบควบรวมทั้งบัญชีผู้ใช้ ข้อมูลส่วนตัว สิทธิ์การใช้งาน เครือข่าย การกำกับดูแล และการจัดการต้นทุน โดยระบบคลาวด์แบบ multi-tenancy ทำให้การทำงานร่วมกันทั้งด้านบุคลากร การเงิน ทรัพยากร สิทธิ์การใช้งานและการปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยราบรื่นแบบไร้รอยต่อ

การใช้งานที่ยืดหยุ่น (Flexible deployment): ศักยภาพและบริการของผานกู่ โมเดล (Pangu Model) สามารถใช้งานได้ในระบบคลาวด์สาธารณะ ระบบคลาวด์ส่วนตัวและระบบคลาวด์แบบไฮบริด กล่าวคือลูกค้าสามารถสร้างและใช้งานแพลตฟอร์ม AI และโมเดลพื้นฐานบนคลาวด์ส่วนตัวขององค์กรในศูนย์ข้อมูลบนหัวเว่ย คลาวด์ สแต็ก (Huawei Cloud Stack) ซึ่งเป็นโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริด

นอกเหนือจากการเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำทั้ง 10 ประการ หัวเว่ย คลาวด์ได้ย้ำกลยุทธ์การบูรณาการเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟและเทคโนโลยี AI เพื่อขับเคลื่อนความรุดหน้าด้านเทคโนโลยีและการใช้งาน AI อย่างกว้างขวางทั่วโลก ในการประชุม สุดยอดครั้งนี้ บรูโน จาง เปิดตัว Global Leap Program โดย Cloud Native Elite Club (CNEC) ภายใต้แนวคิด “เติบโตก้าวกระโดดด้วยคลาวด์เนทีฟและ AI” (Leap with Cloud Native ? AI) เพื่อจุดประกายความคิดผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคนิค การอภิปรายเชิงลึกและหลักปฏิบัติสู่ความสำเร็จ