เมื่อโลกหมุนเปลี่ยนและพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมมากขึ้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งในแต่ละช่วงวัยก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงต้องมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละเจเนอเรชั่น และเพื่อต้อนรับเทศกาล “วันแม่แห่งชาติ” ในเดือนสิงหาคมนี้ “สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA” ขอพาไปส่อง 3 นวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก NIA เพื่อพัฒนานวัตกรรมสำหรับคุณแม่มือใหม่ และคุณแม่วัยเก๋าให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวมากขึ้น
“มัมบี้คลับ” ผู้ช่วยคลายความกังวลให้คุณแม่ป้ายแดงตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงการเลี้ยงลูกทุกช่วงวัย
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่มีทั้งความตื่นเต้น ดีใจ และความกังวลไปพร้อมกัน เพราะนอกจากต้องดูแลอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเติบโตอยู่ภายในร่างกายแล้ว ยังต้องอดทนต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงอาการข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนหลังคลอด เช่น อาการซึมเศร้า (Baby Blue) ดังนั้น การช่วยให้คุณแม่มือใหม่ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การเข้าถึงข้อมูลวิธีดูแลครรภ์และการดูแลบุตรหลังคลอดจากแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือจะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลลงได้ จากงานวิจัยพบว่าพ่อแม่มือใหม่กว่า 100 รายต้องการข้อมูล คำแนะนำ และคำปรึกษา การพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์ด้านการเลี้ยงลูก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงช่วงเลี้ยงดูลูก
แพลตฟอร์ม “มัมบี้คลับ” จึงถูกออกแบบและพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นคอมมิวนิตี้ที่จะช่วยให้คุณแม่เตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลลูกในด้านต่างๆ การหาข้อมูล การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น โดยมีภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลเด็กและสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มาร่วมพูดคุยให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ “มัมบี้คลับ” เป็นเครื่องมือในการติดตามพัฒนาการลูก ซึ่งในกรณีที่เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ ก็สามารถขอคำปรึกษาจากคุณหมอได้แบบทันท่วงที หรือจะเข้ารับฟังความรู้จากห้องเรียนพ่อแม่ การทำเวิร์กชอปร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัย โดยมีระบบ AI ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคัดสรรความรู้ บทความ คำแนะนำ และเครื่องมือในการแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการหรือความสนใจของคุณแม่แต่ละบุคคล
“KidDiary” ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ – เสริมพัฒนาการเด็กช่วงปฐมวัยเพื่อคุณแม่ยุคดิจิทัล
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กช่วงปฐมวัยนับเป็นเรื่องสำคัญ เห็นได้จากผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การยูนิเซฟ พบว่าในปี 2565 ภาวะโภชนาการของเด็กไทยมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี มีปัญหาอ้วน – ผอมเกินไป เตี้ยแคระแกร็น เป็นจำนวนมาก ทำให้ภาครัฐต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนโดยเฉพาะช่วงปฐมวัย จึงทำให้เกิดการคิดค้นและพัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพเด็กและเยาวชน “KidDiary โปรแกรมบันทึกและคัดกรองการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กปฐมวัย” ขึ้น เพื่อเป็นที่ปรึกษา คอยให้คำแนะนำโภชนาการ การเสริมพัฒนาการ และเฝ้าระวังสุขภาพของลูกให้กับคุณแม่ยุคดิจิทัล
“KidDiary” เป็นแอปพลิเคชันสำหรับบันทึก/คัดกรองการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กปฐมวัย ช่วยติดตามและเฝ้าระวังสุขภาพ พร้อมทั้งคัดกรองการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี เนื่องจากโปรแกรมทำงานผ่านเซิร์ฟเวอร์ทำให้สามารถแจ้งเตือนเมื่อพบเด็กที่มีความเสี่ยงด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการไม่เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อให้เด็กมีโอกาสพบแพทย์ รับการประเมิน และรับทราบแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมรอบด้านตามวัย สามารถแจ้งเตือนการฉีดวัคซีน เพื่อให้ได้รับวัคซีนครบตามกำหนด ซึ่งข้อมูลที่บันทึกและแสดงในโปรแกรมนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับโรงเรียนและโรงพยาบาลผ่าน QR Code อีกด้วย
“จอยไรด์ ลูกรับจ้าง หลานจำเป็น” บริการรถรับส่งพาผู้สูงวัยไปหาหมอ เพื่อคุณแม่รุ่นใหญ่วัยเก๋า
ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ประเทศไทยเองก็เช่นกัน จากข้อมูลสถิติของรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุในไทย ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าในปี 2030 ประเทศไทยอาจเลื่อนขั้นเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ดังนั้น โจทย์ท้าทายของประเทศไทยคือการทำให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แต่ด้วยโรคภัยไข้เจ็บมักเกิดกับผู้สูงอายุมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ และจากข้อมูลพบว่าผู้สูงอายุทั่วประเทศต้องไปโรงพยาบาลประมาณ 3 แสนคนต่อวัน ซึ่งการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแต่ละครั้ง ผู้สูงอายุบางส่วนลูกหลานไม่ว่าง หรืออาจไม่มีลูกหลานพาไป
“Joy Ride” นวัตกรรมการบริการจึงถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้น เพื่อให้เป็นมากกว่าแท็กซี่ที่พาไปหาหมอ แต่จะอาสาทำหน้าที่เป็นลูกหลานพาคนที่คุณรักไปโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่มีนัดคุณหมอประจำเดือน ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง เช่น การทำกายภาพบำบัด การฟอกไต การทำเคมีบำบัดและการฉายแสง หรือจะเป็นเพื่อนพาไปวัดเพื่อทำบุญ ทำธุระ ก็ได้ครบจบในแอปฯ เดียว เพียงเข้าไปที่แพลตฟอร์มไลน์ @Joyride หรือเว็บไซต์ https://joyridethailand.com เพื่อจองคิว ก็จะมีพนักงานที่ผ่านการอบรมหลักสูตรปฐมพยาบาลและหลักสูตร CPR มาคอยดูแลผู้สูงวัยแบบ Door to Door คือรับจากบ้านไปส่งสถานพยาบาลหรือสถานที่ตามความต้องการ และกลับมาส่งที่บ้าน โดยจะมีการแจ้งสถานะให้ลูกหลานได้ทราบถึงขั้นตอนรับบริการแบบเรียลไทม์ เช่น กำลังพบแพทย์ รับยาแล้ว ถึงบ้านแล้ว เพื่อคลายความกังวล และรู้สึกเหมือนได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์