NITMX เดินหน้าขยายศักยภาพด้านนวัตกรรมดิจิทัล พัฒนาโครงการ “Open API Infrastructure” เพื่อขับเคลื่อนดิจิทัลแพลตฟอร์มให้ไปได้ไกลแบบไร้ข้อจำกัด หวังช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารสมาชิก และสร้างสังคมนักพัฒนา Application สำหรับ Banking Industry ที่แข็งแกร่ง โดยเริ่มผลักดัน API Hub ให้เป็นแหล่งรวม Financial and Non-financial APIs พร้อมเป็นตัวกลางให้ธนาคารมาใช้บริการสร้างมาตรฐานเดียวกัน และมีความเสถียร รองรับผู้ให้บริการได้มากยิ่งขึ้น ผู้ใช้บริการสะดวกมากขึ้น เร่งขยายระบบได้มากขึ้น มุ่งเน้นดึงดูดนักพัฒนาหน้าใหม่ให้เข้ามาใช้ระบบ โดยจะเปิดให้บริการปี 2567 หวังช่วยเพิ่มศักยภาพแข่งขันและช่วยผลักดันบทบาท Common Utility ของสมาคมธนาคารไทย
ปัจจุบันสถาบันการเงินการธนาคารของไทยได้นำระบบดิจิทัลการปรับใช้ในการบริหารจัดการระบบโครงสร้างของธนาคารมากขึ้น โดยมีบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด หรือ NITMX ผู้ให้บริการระบบ Application Programming Interface (API) เป็นตัวเชื่อมโยงเทคโนโลยีระบบใหม่กับ Core Banking ระบบเดิมของธนาคารได้อย่างง่ายดาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินให้แก่ลูกค้าด้วยบริการธนาคารออนไลน์ผ่าน Mobile Banking ที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น และยังส่งผลให้ Mobile Banking กลายเป็นโซลูชั่นที่น่าเชื่อถือ เพราะสามารถรักษาข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย และทำให้การชำระเงิน การโอนเงิน เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น
ขณะเดียวกันการพัฒนา API สำหรับ Banking Industry ถูกนำไปประยุกต์ใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารสมาชิก การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งในและต่างประเทศ ธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ธุรกรรมการชำระเงินข้ามประเทศ (Cross border) รวมทั้งงานด้าน Back Office และ IT Operation ส่งผลดีเรื่องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านระบบการชำระเงิน เพิ่มการเชื่อมโยงของบริการชำระเงินระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุด และที่สำคัญระบบ API จะช่วยให้ธนาคารเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และยังช่วยให้ธนาคารประหยัดต้นทุนในระยะยาวด้วยการแชร์ API Infrastructure กลางของบริษัทฯ ลดการพัฒนาโปรแกรมที่ซ้ำซ้อน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของบริการที่ดีขึ้น และประหยัดต้นทุนค่าบำรุงรักษาอีกด้วย
ที่ผ่านมา NITMX ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้บริการแก่ธนาคารสมาชิกและลูกค้าธนาคาร ครอบคลุม ครบทุกความต้องการด้านดิจิทัล อาทิ Standard API Transaction Verification ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมการโอนเงินหรือการชำระค่าสินค้า/บริการผ่านระบบพร้อมเพย์ Standard API – Mobile Ownership Validation ตรวจสอบความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนในระบบพร้อมเพย์ Internet Payment Gateway ช่องทางการชำระเงินออนไลน์ เบื้องหลังความสำเร็จของ Merchant iPay ธนาคารกรุงเทพ และการชำระเงินออนไลน์ผ่านตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคาร อย่าง Paypal และ GB Prime Pay
ตลอดจนการพัฒนาธุรกรรมข้ามประเทศ อย่าง Cross-Border Remittance Service เชื่อมโยงการโอนเงินระหว่างประเทศแบบ Real-time โดยใช้เบอร์มือถือ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก Cross-Border QR Payment Service เชื่อมต่อระบบ IT สำหรับการชำระเงินด้วย QR Code กับต่างประเทศ Trade Document Registry (TDR) ตรวจสอบเอกสารการค้าและการขนส่งที่ลูกค้าธนาคารใช้ยื่นประกอบการขอสินเชื่อธุรกรรมการซื้อขายระหว่างประเทศ National Digital Trade Platform (NDTP) ซึ่งเป็น National Platform ที่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ส่งและรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องในการค้าระหว่างประเทศ และเริ่มให้บริการสำหรับเอกชนไทยอย่างเต็มตัว ผ่าน Digital Supplychain Finance ให้บริการด้านการค้าและการชำระเงินที่จะเชื่อมข้อมูลธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจร โดยมี PromptBiz เป็นเครื่องมือส่งเสริมสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ SMEs
ล่าสุด NITMX ยังคงมุ่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างสรรค์ API Hub แหล่งรวม Financial and Non-financial APIs ทางด้านการเงิน ภายใต้ “Open API Infrastructure” โดยจะมี Developer API-Hub Portal สำหรับนักพัฒนา ใช้ทดสอบระบบของตนเองเข้ากับบริการต่างๆ แบบเสมือนจริงโดยไม่กระทบโปรดักชั่น และดำเนินการต่อได้จนไปถึงการเชื่อมระบบจริง ช่วยให้หน่วยงานพันธมิตรและบริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ต้องการค้นหา ทดสอบ และเชื่อมต่อใช้งานระบบต่างๆ ของทั้ง NITMX ธนาคาร และกลุ่มพันธมิตรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ทั้งยังสอดรับกับพันธกิจของสมาคมธนาคารไทย ที่ต้องการให้ NITMX เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการเรียกใช้บริการของธนาคารและพันธมิตรอีกด้วย
ทั้งนี้ การทำ Open API Infrastructure โดย NITMX จะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับ Financial , Non-Financial และ Common Utility ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในไทยที่สามารถเชื่อมต่อได้มากกว่าธุรกิจด้านการธนาคาร และยังสอดคล้องกับแผนพัฒนา (Roadmap) ของสมาคมธนาคารไทยภายใน 3 ปี สำหรับพัฒนาระบบการเงินตามหลักการ 3 Opens คือ 1.Open Competition เอื้อให้เกิดการแข่งขันที่เปิดกว้างด้านการเงินการธนาคาร 2.Open Infrastructure การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับผู้เล่นหน้าใหม่ และ 3.Open Data ส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันและโอนข้อมูล เพื่อให้เกิด Digital touchpoint ให้แก่ธนาคารสมาชิก ให้เกิดความสะดวกในการเชื่อมต่อ สนับสนุนธนาคารออนไลน์ หรือ virtual bank ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพแข่งขันและช่วยผลักดันบทบาท Common Utility ของสมาคมธนาคารไทยได้เป็นอย่างดี
ที่มา: เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์