นับตั้งแต่เปิดตัวโดรนเพื่อการเกษตรรุ่นพี100 (P100) บริษัท เอ็กซ์เอจี (XAG) ได้กระตุ้นทั้งธุรกิจการเกษตร เกษตรกร และนักบินโดรนรุ่นใหม่ ให้เร่งนำโดรนมาใช้ในการผลิตข้าวในเวียดนาม ซึ่งโดรนเพื่อการเกษตรเอ็กซ์เอจี พี100 มีความสามารถในการหว่านและฉีดพ่นพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ได้อย่างแม่นยำในเวลาอันสั้น และกลายเป็นตัวพลิกเกมสำหรับการลดต้นทุนและเพิ่มพูนกำไร
ในขณะที่อุปทานอาหารทั่วโลกอยู่ในภาวะตึงตัวและราคาอาหารพุ่งขึ้นถึง 75% จากช่วงก่อนเกิดโรคระบาด การส่งออกข้าวของเวียดนามยังคงเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี เวียดนามกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในการตอบสนองความต้องการข้าวที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยข้าวหอมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากตลาดไฮเอนด์ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจุบันสามารถพบเห็นโดรนได้มากขึ้นในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ผู้บุกเบิกและส่งเสริมการใช้งานโดรน
คุณเล โกว๊ก ตรัง (Le Quoc Trung) วัย 35 ปี อาศัยอยู่ในจังหวัดด่งท้าป และบริหารธุรกิจเกี่ยวกับการขาย การให้บริการ และการฝึกอบรมการใช้งานโดรนเพื่อการเกษตร เขาทุ่มเทเวลาไปกับการสอนเกษตรกรให้ใช้งานโดรนเอ็กซ์เอจีตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ในอดีต งานเพาะปลูกส่วนใหญ่ทำด้วยมือ และเกษตรกรไม่สามารถคำนวณผลผลิตที่แท้จริงหรือกระจายผลผลิตในไร่นาให้เท่า ๆ กันได้ ความไร้ประสิทธิภาพและการขาดความแม่นยำนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ต้นทุนแรงงานก็เป็นภาระทางการเงินอีกประการหนึ่ง
คุณเลเป็นคนแรก ๆ ที่แนะนำโดรนเพื่อการเกษตรเอ็กซ์เอจี พี100 ที่เหมาะสมกับนาข้าวของเวียดนามอย่างมาก โดรนรุ่นนี้สามารถหว่านเมล็ดพืช หว่านปุ๋ย และฉีดพ่นพืชผลได้ และมาพร้อมกับระบบนำทางอาร์ทีเค (RTK) ทำให้สามารถติดตามเส้นทางที่แน่นอนและหลีกเลี่ยงการทับซ้อนหรือความผิดพลาดได้
คุณเลเผยว่า ยอดขายโดรนและคำสั่งซื้อบริการเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากเปิดตัวโดรนรุ่นเอ็กซ์เอจี พี100 และระบุว่า “การออกแบบที่สามารถถอดชิ้นส่วนได้นั้นไม่เหมือนใครในตลาดโดรน ทำให้สามารถสลับการฉีดพ่นและการหว่านได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน น้ำหนักบรรทุก 40 กก. ทำให้โดรนสามารถทำงานบนพื้นที่การเกษตรที่ใหญ่ขึ้นในการขึ้นบินแต่ละครั้ง” เมื่อเกษตรกรหันมาใช้โดรนกันมากขึ้น การทำฟาร์มดิจิทัลก็เริ่มเติบโตและเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกข้าว
เอาชนะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ความแพร่หลายมากขึ้นของโดรนยังได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากราคาปุ๋ยและค่าแรงที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกษตรกรเกิดความวิตกกังวล คุณฟาน วัน ด่ง (Phan Van Dong) ชาวนาวัย 37 ปี ที่มีนาข้าว 7 เฮกตาร์ในจังหวัดลองอัน ก็เคยหมดเงินส่วนใหญ่ไปกับการจ้างคนงาน รวมถึงจ่ายค่าวัสดุและพลังงานในราคาสูง เช่นเดียวกับเกษตรกรคนอื่น ๆ ในฤดูเพาะปลูกที่วุ่นวาย
แม้ว่าจะมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ยากที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไรและหมุนเงิน เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และเพื่อพลิกสถานการณ์ดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจลงทุนกับโดรนอัตโนมัติของเอ็กซ์เอจีเพื่อการปลูกข้าว
คุณฟานใช้เทคโนโลยีใหม่จนเพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 10% ด้วยความช่วยเหลือจากโดรนเพื่อการเกษตร “เมื่อเปรียบเทียบกับการทำมือแล้ว โดรนเอ็กซ์เอจี พี100 ช่วยให้ผมประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้ 50% และลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงได้ 30% ทำให้ผมมีรายได้มากกว่าเดิม” เขากล่าว
คุณฟานสามารถตั้งค่าการใช้งานโดรนบนสมาร์ทโฟนเพื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ตามปริมาณที่ต้องการ รวมถึงตั้งค่าอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งเขามองว่าตัวเองเป็นชาวนารุ่นใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนการทำนาแบบดั้งเดิม
นักบินรุ่นใหม่ในภาคการเกษตร
เมื่อเห็นถึงข้อได้เปรียบของการเพาะปลูกด้วยโดรน ความต้องการใช้บริการโดรนของเกษตรกรรายย่อยและครอบครัวเกษตรกรจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้สร้างอาชีพใหม่ให้กับคนรุ่นใหม่ในการเป็นนักบินโดรน
คุณเจิ่น มินห์ หมัน (Tran Minh Man) อายุ 25 ปี ลาออกจากงานพนักงานขายเครดิตและเข้าร่วมทีมนักบินโดรนของเอ็กซ์เอจีที่บ้านเกิด การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้น “ผมสามารถให้บริการเกษตรกรและมีรายได้มากกว่าตอนอยู่ในเมืองถึง 50% จาก 500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นมากกว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน” ตอนนี้คุณเจิ่นและนักบินคนอื่น ๆ ทำงานร่วมกับเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดด่งท้าป โดยช่วยพวกเขาในการหว่านเมล็ด หว่านปุ๋ย และฉีดพ่นด้วยโดรน
คุณเจิ่นให้บริการนาข้าว 100 เฮกตาร์ของสหกรณ์การเกษตรแห่งหนึ่ง เวียดนามมีสหกรณ์การเกษตรมากกว่า 27,000 แห่ง ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 4.3 พันล้านดองเวียดนามในปี 2563 และเติบโตอย่างต่อเนื่อง สหกรณ์ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรวมที่ดินของเกษตรกรรายย่อยต่างต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อลดความเสี่ยง
การทำงานร่วมกับทีมของคุณเจิ่นและนำโดรนเพื่อการเกษตรเอ็กซ์เอจี พี100 มาใช้ในฤดูกาลที่แล้ว ส่งผลให้สหกรณ์การเกษตรสามารถลดภาระแรงงาน มั่นใจว่าการทำงานสอดคล้องกัน ประหยัดวัสดุได้ 1 ใน 3 และเพิ่มผลผลิตข้าวได้มากกว่า 10%
โดรนได้ทำลายขีดจำกัดของการพัฒนาการเกษตรและชนบทด้วยการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาในอุตสาหกรรมสมัยเก่า เมื่อคนรุ่นใหม่ในชนบทจัดตั้งทีมงานเพื่อท้าทายการเพาะปลูกแบบเดิม ๆ มากขึ้น โดรนจะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายและจะผลักดันผลผลิตข้าวให้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/1959576/Drone_pilots_stood_a_rice_paddy_operate_drones_spraying.jpg
คำบรรยายภาพ – นักบินโดรนยืนข้างนาข้าวเพื่อบังคับโดรนฉีดพ่น