Hewlett Packard Enterprise แนะนำเทคโนโลยีด้านการประมวลในแบบ Next-Gen ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโลกการทำงานแบบไฮบริด

Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ประกาศเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ยุคใหม่สำหรับการใช้งานบนคลาวด์ ที่ออกแบบเพื่อระบบแบบไฮบริด และการปฏิวัติทางดิจิทัลโดยเฉพาะ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Gen11 ใหม่นี้จะช่วยให้องค์กรทั้งหลายได้ระบบประมวลผลที่สะดวกสบาย ไว้ใจได้ และยกระดับความสามารถในการทำงานได้ดีที่สุด เหมาะอย่างยิ่งกับเวิร์กโหลดสมัยใหม่หลายต่อหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น AI, ML, Data analytic, Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Virtualization, Container แอปพลิเคชั่นสำหรับทำงานบนคลาวด์ แอปพลิเคชั่นที่มีเวิร์กโหลดกราฟิกหนักหน่วง เป็นต้น

“รากฐานของรูปแบบการทำงานไฮบริดก็คือระบบประมวลผล” Neil MacDonald รองประธานบริหาร และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์ Compute ที่ HPE กล่าว “HPE Compute พาธุรกิจให้ไปใกล้กับ Edge ที่เป็นจุดกำเนิดของข้อมูลมากที่สุด เป็นตำแหน่งที่ให้ประสบการณ์การทำงานบนคลาวด์แบบใหม่ ซึ่งเป็นที่ที่ระบบความปลอดภัยผสานเป็นหนึ่งเดียว ด้วยเซิร์ฟเวอร์ใหม่อย่าง HPE ProLiant Gen11 ที่ถูกออกแบบมาสำหรับโลกไฮบริดโดยเฉพาะ ให้การใช้งานผ่านคลาวด์ที่เรียบง่าย แต่คงไว้ซึ่งความปลอดภัยที่มั่นใจตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และออกมาเพื่อผลักดันประสิทธิภาพการทำงานให้ถึงขีดสุด

เปิดประสบการณ์คลาวด์ที่ดีกว่า

บนเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant ของเราจะมีบริการ HPE GreenLake for Compute Ops Management (COM) ที่เป็นคอนโซลจัดการแบบคลาวด์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานประจำวันด้วยการสร้างระบบอัตโนมัติอย่างปลอดภัย ทั้งการเข้าถึง ตรวจสอบ และจัดการเซิร์ฟเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบประมวลผลรูปแบบไหนก็ตาม

คอนโซลนี้ให้ทั้งความเรียบง่าย รวมศูนย์กลางทุกอย่าง อัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นการทำงานแบบอัตโนมัติ ให้ลูกค้าควบคุมทรัพยากรประมวลผลของตัวเองได้ครอบคลุมทั่วโลกแบบเจาะลึก ช่วยให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่กระจัดกระจายหลายพันตัวได้ง่าย ๆ แถมได้ประโยชน์จากการอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่รวดเร็ว เหลือเวลามาจัดการงานทางธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรับภาระจัดการระบบไอทีที่ซับซ้อนอีก

HPE GreenLake for Compute Ops Management (COM) ยังมีรายงานการปล่อยคาร์บอนสำหรับองค์กรที่ให้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม โดยสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานของเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัว ไปจนถึงระบบโดยรวมทั้งหมดได้

ควบคุมความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ

HPE มุ่งมั่นสร้างระบบที่ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Edge ขึ้นไปจนถึงคลาวด์ ควบคุมดูแลตั้งแต่ระดับชิป ด้วย HPE Silicon Root of Trust ที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของเราด้านความปลอดภัยของข้อมูล ช่วยปกป้องโค้ดเฟิร์มแวร์หลายล้านบรรทัด จากทั้งมัลแวร์ และแรนซั่มแวร์ได้ด้วย ร่องรอยทางดิจิทัลที่ต้องล็อกให้จำเพาะกับตัวเซิร์ฟเวอร์ จนปัจจุบัน HPE Silicon Root of Trust ได้ช่วยประกันความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ HPE มาแล้วหลายล้านเครื่องทั่วโลก

เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant เจนใหม่นี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยนี้เช่นกัน พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ช่วยปกป้องทั้งข้อมูลและตัวระบบ ได้แก่:

  • การตรวจสอบความถูกต้องและตัวตนจริงของชิ้นส่วนอุปกรณ์ ด้วยระบบ HPE Integrated Lights-Out (iLO) – “iLO6” ใหม่ล่าสุด ที่เป็นซอฟต์แวร์จัดการเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล ให้ลูกค้าเข้าถึงอย่างปลอดภัยทั้งการตั้งค่า เฝ้าตรวจสอบ และอัพเดท HPE เซิร์ฟเวอร์ ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์การยืนยันตนที่ใช้ Security Protocol and Data Model (SPDM) ซึ่งเป็นความสามารถด้านคีย์เข้ารหัสในเซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ยืนยัน และตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ตามมาตรฐานสากล
  • ป้องกันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตัวตนที่จำเพาะของเซิร์ฟเวอร์ ด้วยใบรับรองดิจิทัลสำหรับแพลตฟอร์ม และใช้ Secure Device Identity (iDevID) เป็นพื้นฐานจากโรงงาน
  • เพิ่มระดับการยืนยันตัวตนที่ถูกต้องด้วยการตรวจสอบความปลอดภัยของการบูท และสถานะระบบ ผ่านตัว Trusted Platform Module (TPM)
  • ใช้ระบบความปลอดภัยสูงสุดด้วย HPE Trusted Supply Chain ที่เป็นระบบมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ด้วยการรับรองเซิร์ฟเวอร์ ที่เสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยของข้อมูล ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนถึงยกเลิกการใช้งาน และล่าสุด HPE ได้ขยายนโยบายบริการนี้ไม่เฉพาะแต่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพของทุกเวิร์กโหลดให้ถึงขีดสุด

องค์กรต่าง ๆ ใช้เวิร์กโหลดที่มีความต้องการระบบมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น AI, ML หรือโปรเจ็กต์ที่ต้องเรนเดอร์กราฟฟิกทั้งหลาย ที่ต้องการทรัพยากร และกำลังการประมวลผลที่เร็วแรงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant เจนใหม่นี้ได้พัฒนาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้ข้อมูลอย่างเข้มข้น รองรับสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชิป 4th Generation AMD EPYC(TM), 4th Gen Intel(R) Xeon(R) Scalable, หรือ Ampere(R) Altra(R) และ Ampere(R) Altra(R) Max Cloud Native เป็นต้น

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Gen11 ตัวใหม่รองรับ I/O แบนด์วิธได้เพิ่มขึ้นสองเท่า เหมาะกับแอปพลิเคชั่นที่มีความต้องการพลังการประมวลผลสูงๆ เพิ่มคอร์ต่อซีพียูขึ้น 50% ยกระดับความเข้มข้นของการประมวลผลเวิร์กโหลด รวมทั้งเพิ่มความหนาแน่นของ GPU ประสิทธิภาพสูงอีก 33% ให้รองรับเวิร์กโหลดพิเศษอย่าง AI และที่เน้นหนักด้านกราฟิก

ผู้ให้บริการและองค์กรทั้งหลายที่กำลังหันมาใช้เวิร์กโหลดแบบคลาวด์เนทีฟ ล้วนต้องการระบบประมวลผลที่ออกแบบมาเพื่อคลาวด์เนทีฟโดยเฉพาะ ให้ได้ทั้งความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ของตนเอง ซึ่งเมื่อมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา HPE ได้ประกาศการเป็นผู้จำหน่ายเซิร์ฟเวอร์เซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปสำหรับคลาวด์เนทีฟโดยเฉพาะ อย่าง Ampere(R) Altra(R) และ Ampere(R) Altra(R) Max Cloud Native Processor ในเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant RL300 Gen11 ตัวใหม่

ใช้โมเดลจ่ายตามปริมาณการใช้งานได้ กับ HPE GreenLake

องค์กรที่กำลังมองการปรับเปลี่ยนไปสู่อนาคต สามารถเลือกใช้ระบบประมวลผลยุคใหม่ของ HPE ได้ทั้งการจัดซื้อในรูปแบบปกติ หรือจะหันมาใช้โมเดลแบบ Pay-as-you-Go ด้วย HPE GreenLake ก็ได้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการผ่านคลาวด์ที่เปิดให้ลูกค้าเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้ทันสมัย ในแบบที่เน้นการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเป็นสำคัญ รวมมากกว่า 70 บริการที่สามารถรันได้ทั้งฝั่ง On-Premises, ฝั่ง Edge, ในโคโลเคชั่น, หรือแม้แต่บนพับบลิกคลาวด์

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถนำระบบเดิมที่มีอยู่มาเทิร์นเป็นเครดิต หรือลงทุนเพิ่มเฉพาะส่วนต่างเพื่ออัพเกรดเทคโนโลยีผ่านโครงการ HPE Financial Services (HPEFS) ได้ด้วย

ที่มา: สื่อสามร้อยหกสิบองศา