HID Global เผยแพร่ผลรายงานเรื่องระบบควบคุมการเข้า-ออกอาคารล่าสุด ตอกย้ำความต้องการใช้โซลูชั่นมือถือที่รองรับการใช้งานได้ถึงอนาคต
กว่า 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องความสะดวกสบาย และเตรียมแผนอัพเกรดระบบที่รองรับการใช้โทรศัพท์มือถือได้
HID Global ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการระบุและยืนยันตัวตน ได้เผยแพร่รายงานเรื่องระบบการควบคุมการเข้า-ออกอาคารล่าสุดประจำปี 2022 ที่ให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับ สถานการณ์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
รายงานฉบับนี้จัดทำโดย IFSEC Global ร่วมกับ HID Global ซึ่งได้สำรวจผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 1,000 คนในทวีปอเมริกาเหนือ (56%) ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (29%) และเอเชียแปซิฟิก (15%) เรื่องการจัดซื้อ การติดตั้ง ข้อกำหนด และการทำงานของโซลูชั่นการควบคุมการเข้า-ออกอาคาร และนำเสนอผลที่ได้
ทั้งสถานการณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบัน รวมทั้งแนวโน้มที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและไอทีคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่:
ความสะดวกสบาย: การใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เป็นปัจจัยที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 60% ให้ความสำคัญมากที่สุดในการอัพเกรดระบบควบคุมการเข้า-ออก ซึ่งนอกจากความปลอดภัยแล้ว ผู้ใช้งาน (พนักงาน ผู้อยู่อาศัย หรือผู้มาติดต่อ) และผู้ดูแลระบบ (ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฝ่ายดูแลสิ่งอำนวยความสะดวก และฝ่ายไอที) จะต้องใช้งานได้ง่าย และสะดวกราบรื่น
การควบคุมผ่านมือถือ และ การใช้งานแบบไร้สัมผัส: การเข้า-ออกอาคารโดยใช้โทรศัพท์มือถือกำลังเป็นที่ต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดย 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะอัพเกรดระบบให้พร้อมใช้งานกับมือถือได้ และนอกจากผู้ดูแลระบบรักษาความปลอดภัยจะได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว พนักงานและผู้มาติดต่อก็จะมีความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะผู้ใช้งานมักจะพกพามือถือมากกว่าบัตรเข้า-ออกอาคาร นอกจากนี้ การระบาดใหญ่ยังทำให้ความต้องการใช้ระบบควบคุมการเข้า-ออกแบบไร้สัมผัสเพิ่มสูงขึ้น โดยประมาณ 32% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความประสงค์ที่จะอัพเกรดระบบไปใช้โซลูชันแบบไร้สัมผัส เพื่อรับมือกับโรคระบาด รวมทั้งยังพิจารณาการใช้ระบบยืนยันตัวตนไบโอเมตริกซ์แบบไร้สัมผัสด้วย
การทำงานผสานกันของระบบ: ความพร้อมในการรองรับการใช้งานอนาคตได้ เป็นข้อกังวลของผู้ตอบแบบสอบถาม เพราะผู้ใช้งานต้องการความสะดวกสบายในระยะยาวในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยลดต้นทุนได้ ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่ง (49%) เลือกความสามารถในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต ให้เป็นหนึ่งในสามคุณสมบัติเด่นของโซลูชันการควบคุมการเข้า-ออกอาคารแบบใหม่ๆ และ 33% เห็นว่าการผสานและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยเดิมที่มีอยู่แล้วได้เป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ที่ปรึกษาและผู้ติดตั้งระบบ จึงเลี่ยงการใช้โมเดลที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง และหันไปใช้เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานแบบเปิด เพื่อให้สามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์ได้อย่างปลอดภัยผ่านระบบคลาวด์ได้ หนึ่งในห้าของผู้ตอบแบบสอบถามเสริมว่า การทำงานผสานกันได้และมาตรฐานแบบเปิดดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในแนวโน้มอันดับต้นๆ ที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้นี้
ความยั่งยืน: องค์กรทั่วทุกภูมิภาคกำลังพยายามทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนและการอัพเกรดเทคโนโลยีควบคุมการเข้า-ออกอาคาร จะส่งผลกระทบต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนได้อย่างไร โดยผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 28% มีการปรึกษาแผนกที่รับผิดชอบเรื่องความยั่งยืนเมื่อต้องการเปลี่ยนระบบใหม่ เพื่อการตัดสินใจได้ถูกต้อง จากข้อมูลเฉพาะที่แผนกความยั่งยืนมีอยู่ เช่น เครื่องอ่านของระบบควบคุมการเข้า-ออก ที่มีใบรับรองสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ (Environmental Product Declaration) และการจัดการพลังงานอัจฉริยะนั้น สามารถรองรับความต้องการในกลุ่มของอาคารสีเขียว เช่น LEED ได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้การควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ และใช้หลักฐานยืนยันตัวตนแบบเสมือนจริง (Virtual) ยังช่วยลดการใช้บัตรพลาสติก จึงลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกี่ยวข้องกับวงจรชีวิตของบัตรพลาสติกได้ นอกจากนี้ การผสานการทำงานเข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการอาคาร ก็ยังช่วยให้สามารถปรับใช้พื้นที่ในอาคารตามความหนาแน่นของผู้มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
ผู้สนใจรายงานฉบับเต็ม ที่มีการวิเคราะห์เชิงลึก และข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการควบคุมการเข้า-ออกในปัจจุบันและอนาคต สามารถอ่านได้ที่ here. และหาข้อมูลเพิ่มว่า HID Mobile Access สามารถ เพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยคงมาตรฐานด้านความปลอดภัยได้เช่นเดิมได้อย่างไร ได้ที่เว็บไซต์ website
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ HID Global
เยี่ยมชมเราได้ที่ Media Center อ่านข้อมูลใน Industry Blog และติดตามทาง Facebook, LinkedIn และ Twitter
เกี่ยวกับ HID Global
HID Global ผู้ขับเคลื่อนระบบระบุตัวตนของผู้คน สถานที่และสิ่งต่างๆ ทั่วโลก เราช่วยให้ผู้คนทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล และเดินทางได้อย่างเสรี โซลูชั่นการระบุตัวตนช่วยให้ผู้คนเข้าถึงสถานที่ได้อย่างสะดวก ทั้งสถานที่จริงทางกายภาพและสถานที่เสมือนจริงในโลกดิจิตอล และเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆ ที่บ่งชี้ ตรวจสอบ และติดตามผ่านช่องทางดิจิตอลได้ ผู้คนนับล้านทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ HID ในชีวิตประจำวัน และมากกว่าสองพันล้านสิ่งที่เชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีของ HID เราทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สถาบันการเงิน ธุรกิจอุตสาหกรรม และบริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยที่สุดของโลก HID Global มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ปัจจุบัน มีพนักงานกว่า 4,500 คนทั่วโลกและมีสำนักงานในประเทศต่างๆ ที่รองรับลูกค้าได้มากกว่า 100 ประเทศ HID Global(R) เป็นแบรนด์ในเครือกลุ่มบริษัท ASSA ABLOY ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hidglobal.com
(C) 2022 HID Global Corporation/ASSA ABLOY AB. สงวนลิขสิทธิ์ HID, HID Global, the HID Blue Brick logo and the Chain Design เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ HID Global, ASSA ABLOY AB หรือบริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ และห้ามใช้ก่อนได้รับอนุญาต เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมด เครื่องหมายการให้บริการ และชื่อผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง
ที่มา: อัลลิสัน แอนด์ พาร์ทเนอร์ส