ริบบอนแต่งตั้งคีธ ตันผู้มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีปฏิรูปเครือข่ายเป็น Country Head ดูธุรกิจในไทยและมาเลเซีย

Ribbon Communications Inc. (Nasdaq: RBBN) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเรียลไทม์และโซลูชันเครือข่ายไอพีและออปติคัลแก่ผู้ให้บริการ องค์กรและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและรายใหญ่ที่สุดของโลกหลายแห่ง เพื่อยกระดับและปกป้องเครือข่ายของตนให้ทันสมัยและปลอดภัย วันนี้ริบบอนประกาศแต่งตั้งนายคีธ ตัน (Keith Tan) ดำรงตำแหน่ง Country Head (หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ) ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย  

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้คีธเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของริบบอน ผมมั่นใจว่าด้วยทักษะความเป็นผู้นำและความรู้ในอุตสาหกรรม เขาจะสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ นำเสนอบริการนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยลูกค้าเร่งเปลี่ยนแปลงเครือข่ายได้ตรงกับวัตถุประสงค์มากขึ้นและช่วยให้ลูกค้าก้าวยืนในตำแหน่งผู้นำในตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น” มิกกี้ วิลฟ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและ EMEA ในธุรกิจไอพีและออปติคัลของริบบอนกล่าว

คีธมีประสบการณ์นานเกือบ 20 ปี ในธุรกิจการปฏิรูปเครือข่าย มีความเชี่ยวชาญในด้านการขายและการวางแผนโซลูชัน การปฏิบัติการด้านเทคโนโลยี และเคยเป็นหัวหน้าโครงการขนาดใหญ่ทั่วเอเชียมาแล้ว เขาจะรับผิดชอบขับเคลื่อนธุรกิจของริบบอนให้เจริญเติบโตมากขึ้น โดยจะนำเสนอโซลูชันเครือข่ายนวัตกรรมใหม่ๆ ของไอพี ออปติคช่วยให้ผู้ให้บริการและองค์กรต่างๆ ยกระดับการสื่อสารทางธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ คีธเคยทำงานให้กับโนเกียในตำแหน่งหัวหน้าธุรกิจของเทคโนโลยีออปติคประจำประเทศไทย กัมพูชาและเมียนมาร์ และสั่งสมประสบการณ์มากมายในภาคโทรคมนาคมโดยได้ร่วมงานกับผู้ให้บริการชั้นนำของภูมิภาคหลายแห่ง รวมถึง เอไอเอส เทเลนอร์ ทรู Ooredoo ฮัทชิสันและอื่นๆ

ริบบอนประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมากมาย ซึ่งรวมถึงโครงการล่าสุดกับ Moratelindo ผู้ให้บริการบรอดแบนด์แบบตามสายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินโดนีเซีย โซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีด้านออปติคขั้นสูงของริบบอนช่วยให้ผู้ให้บริการเพิ่มขนาดความจุของเครือข่ายหลักที่ใช้ภายในเกาะสุมาตราขึ้นอีกสองเท่าเป็น 3.6 เทราบิตต่อวินาที ให้การเชื่อมโยงโครงข่ายบรอดแบนด์ภายในเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกนี้และมีพื้นที่ทั้งหมด 473,000 ตารางกิโลเมตรได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ริบบอนได้ช่วยขยายขนาดความจุของสายสัญญาณเชื่อมโยงใต้ทะเลบาตัมที่มีความยาว 280 กิโลเมตรให้มีความจุเพิ่มขึ้นอีก 2 เทราบิต ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการเข้าถึงของ Moratelindo ไปยังสิงคโปร์อีกด้วย

Moratelindo ยังได้รับประโยชน์จากเครือข่าย 200G ที่พร้อมใช้งาน 400G ทำให้สามารถเปิดตัวบริการใหม่ที่ต้องการแบนด์วิดท์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยที่เครือข่ายออปติคหลักของสุมาตราใช้สวิตช์ Apollo 9932 Core OTN ของริบบอนที่โหนดหลายแห่ง และใช้สวิตช์ 16T ขนาดใหญ่ในการดูแลและกำหนดเส้นทางบริการที่มีประสิทธิภาพบนเครือข่ายหลัก นอกจากนี้ ทรานสปอนเดอร์ TM800 ที่ตั้งโปรแกรมได้ของริบบอนช่วยเพิ่มความศักยภาพของเครือข่ายสื่อสารในการรับส่งข้อมูลสูงสุดใต้ทะเลบาตัม ให้ประสิทธิภาพศุงสุดของเทคโนโลยีออปติค และให้อัตราตามสายที่ดีที่สุดและให้ขนาดของบริการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสภาวะของช่องสัญญาณที่ผู้ให้บริการตั้งไว้

ไมเคิล แมคแฟล ” ซีทีโอที่ Moratelindo กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญยิ่งสำหรับเรา และเราเลือกริบบอนจากผลของการเปรียบเทียบข้อเสนอของคู่แข่งในตลาด ซึ่งพบว่าริบบอนสามารถเสนอโซลูชันที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด  ก่อนหน้านี้แล้ว เราได้ร่วมมือทำงานและได้รับประสบการณ์ที่ดี พบว่าริบบอนสามารถจัดหาโซลูชันที่แก้ไขปัญหาด้านเครือข่ายของเราได้เป็นอย่างดี และเราหวังว่าจะได้ขยายความสัมพันธ์ของเราอีกต่อไปในอนาคต”

คีธกล่าวเสริมว่า “ผมมีความภูมิใจที่ได้ร่วมทำงานกับ Moratelindo และหวังว่าจะได้ช่วยเหลือผู้ให้บริการและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยและมาเลเซียให้ประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนเครือข่ายให้เป็นแบบเน็กซ์เจนเนอร์เรชั่นเพื่อเพิ่มความเร็ว ความจุ และศักยภาพทางเศรษฐกิจให้สูงมากขึ้น ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และเกิดกิจกรรมการควบรวมกิจการที่สำคัญๆ ซึ่งเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับโซลูชันเครือข่ายมากขึ้น ซึ่งริบบอนอยู่ในตำแหน่งที่ดี มีโซลูชันเครือข่ายไอพีและออฟติคอันเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ และมีโซลูชันการสื่อสารที่ออกแบบมาเพื่อเครือข่ายระหว่างคลาวด์ถึงส่วนเอดจ์อันเป็นที่ยอมรับระดับโลก จึงพร้อมช่วยลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จาก 5G ของตนเองได้มากขึ้น”

ที่มา: คอมมิวนิเคชั่น อาร์ต