เหล่าผู้นำธุรกิจเตือนปัญหาซัพพลายเชนจากผลพวงของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความสามารถในการทำกำไร

– ผลการศึกษาล่าสุดจากฟลินท์ฟ็อกซ์แสดงให้เห็นว่า 90% ของธุรกิจกำลังประสบความยากลำบากในการจัดการความผันผวนของตลาดจากผลพวงของโควิด-19 และเงินเฟ้อ

การศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดยฟอร์เรสเตอร์ คอนซัลติง (Forrester Consulting) ในนามของฟลินท์ฟ็อกซ์ (Flintfox) แพลตฟอร์มด้านการจัดการราคาอัจฉริยะ ได้แสดงให้เห็นว่า บริษัทค้าปลีก บริษัทด้านการผลิต และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค กำลังเผชิญกับความท้าทายในการจัดการด้านการทำกำไรขององค์กร สืบเนื่องมาจากผลกระทบของปัญหาโควิด-19 เงินเฟ้อและ และห่วงโซ่อุปทาน

ทั้งนี้ 90% ของธุรกิจรายงานว่า การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความสามารถในการจัดการด้านการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ขององค์กร โดย 39% เปิดเผยว่า บริษัทไม่สามารถไล่ตามความผันผวนของราคาในตลาดได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจน โดยธุรกิจต่าง ๆ สูญเสียความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ย 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพราะไม่สามารถตอบสนองต่อแรงกดดันต่าง ๆ ของตลาดได้รวดเร็วเพียงพอ

ผลการศึกษาผู้นำธุรกิจมากกว่า 900 รายได้เผยให้เห็นว่า รูปแบบธุรกิจในปัจจุบันทำให้จัดการกับการเปลี่ยนแปลงทางราคาไม่ได้ โดย 41% ยังคงพึ่งพากระบวนการแบบดั้งเดิมในการจัดการกับความผันผวนทางราคา ขณะที่ผู้นำธุรกิจกว่าครึ่งหนึ่ง (53%) ระบุว่า โรคระบาดกดดันให้พวกเขาต้องการทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นในด้านความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจรวมถึงอัตรากำไร เพื่อให้ตอบสนองความผันผวนทางราคาได้อย่างเหมาะสม

สำหรับปี 2565 นั้นจะเห็นการพลิกโฉมรูปแบบธุรกิจขับเคลื่อนนโยบายของคณะกรรมการ เนื่องจากการแปรเปลี่ยนไปของกระแสโลกคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น โดย 60% ของธุรกิจระบุว่า ข้อมูลคุณภาพต่ำและการจับข้อมูลที่ไม่ดีพอ เป็นปัจจัยขัดขวางความสามารถในการก้าวนำความผันผวนของตลาดและรักษาความสามารถในการแข่งขัน

การวิจัยฉบับนี้บ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่การจัดการด้านการกำหนดราคาอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ จะเป็นปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ในการจัดการกับผลกระทบจากภาวะชะงักงันทั่วโลกในปีหน้านี้ โดยธุรกิจกว่า 1 ใน 5 (23%) จะหันมาใช้เทคโนโลยีกำหนดราคาอัจฉริยะในปี 2565

ธุรกิจกว่า 3 ใน 4 (77%) ยกให้การกำหนดราคาอัตโนมัติด้วยระบบการกำหนดราคาอัจฉริยะ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ เนื่องจากคาดเดาผลกระทบระยะยาวของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจโลกได้ยากมากยิ่งขึ้น

จอห์น มอส ( John Moss) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟลินท์ฟ็อกซ์ กล่าวว่า “หลังเกิดความไม่แน่นอนของโรคระบาด อัตรากำไรก็กลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมา และในขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อและห่วงโซ่อุปทานสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการรับมือกับความผันผวนได้อย่างรวดเร็วก็กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น การหันมาใช้รูปแบบการกำหนดราคาอัจฉริยะจะทำให้ธุรกิจรับมือกับความซับซ้อนเชิงปฏิบัติการและรับรองอนาคตทางธุรกิจของบริษัทจากเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อตลาดได้”

ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์