วิกฤตห่วงโซ่อุปทาน ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้า
HID Global ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการยืนยันตัวตนและความปลอดภัยเชิงกายภาพ เผยเทรนด์สำคัญที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยในปี 2565 และหลังจากนั้น
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการให้บริการด้านการป้องกันตัวตนเชิงกายภาพและดิจิทัลแก่ผู้คน สถานที่ และทรัพย์สินทั่วโลก HID Global จึงสามารถระบุตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์ รวมทั้งการพัฒนาที่จะพลิกโฉมภาพรวมของวงการรักษาความปลอดภัยในปี 2565 ได้เป็นอย่างดี
จากสถานการณ์ของตลาดและความคิดเห็นของพันธมิตร รวมทั้งลูกค้า บริษัทฯ ได้วิเคราะห์ว่า 7 หัวข้อต่อไปนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรักษาความปลอดภัยในปีนี้และปีต่อๆ ไป
วิกฤตห่วงโซ่อุปทาน: วิกฤตห่วงโซ่อุปทานจะยังคงเป็นเทรนด์ด้านการรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ ทำให้ปี 2565 เป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ปัญหาคอขวดด้านโลจิกติกส์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอ่านบัตรและชุดแผงควบคุม ไปจนถึงเซนเซอร์และเครื่องตรวจจับ
ความยั่งยืน: ในปีที่ผ่านมา มีฉันทามติที่เพิ่มสูงขึ้นว่าผู้ใช้งานมองหาซัพพลายเออร์ที่ยึดความยั่งยืนเป็นหลักสำคัญในการตัดสินใจและการดำเนินธุรกิจ ในปี 2565 ความยั่งยืนจะมีความสำคัญมากขึ้น ทำให้ซัพพลายเออร์ต้องให้ความสนใจกับโซลูชันด้านดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีทางด้าน Mobile และมัลติแอปพลิเคชั่นแบบครบวงจร เพื่อลดรอยเท้าคาร์บอนของอุตสาหกรรม
การระบุตัวตนที่ส่งมอบผ่านทางซอฟแวร์บริการ – Software as a Service (SaaS): การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้นำไปสู่การใช้งานระบบคลาวด์ในรูปแบบที่เป็นการให้บริการ เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการระบบควบคุมการเข้า-ออกสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ สินทรัพย์ทางกายภาพและข้อมูล ในขณะเดียวกันรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ก็ทำให้เกิดการยืนยันตัวตนที่ใช้งานได้สะดวกไม่ติดขัด และเชื่อถือได้ และจากการที่โลกดิจิทัลจะยังคงมีผลกระทบต่อวงการรักษาความปลอดภัย การระบุตัวตนด้วย SaaS จึงไม่เพียงแต่จะเป็นแค่บรรทัดฐานเท่านั้น แต่จะเป็นมาตรฐานที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 นี้ด้วย
การยืนยันตัวตนทางดิจิทัล: การใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลสูงมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้บริษัทใหญ่ๆ ด้านเทคโนโลยีเพิ่มฟังก์ชันการยืนยันตัวตนแบบใหม่ในแอปพลิเคชัน องค์กรต่างๆ และรัฐบาลก็กำลังเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อรองรับธุรกรรมดิจิทัล ในปี 2565 นี้จะมีจุดเปลี่ยนที่การยืนยันตัวตนทางดิจิทัลจะแซงหน้าการยืนยันตัวตนแบบกายภาพ และการให้บริการดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะซัพพลายเออร์จะบริหารงานโดยใช้โมเดลบริการและพึ่งพาการบริการเป็นหลัก
โลกของการทำงานในอนาคต: ปัจจุบันการทำงานแบบไฮบริดได้กลายเป็นสิ่งปกติไปแล้ว และแนวทาง Zero Trust สำหรับทุกสิ่ง ก็จะเป็นเทรนด์หลักในอุตสาหกรรมด้านการรักษาความปลอดภัยในปี 2565 โดยผู้นำองค์กรมีหน้าที่ต้องจัดการสภาพแวดล้อมการทำงานให้แน่ใจถึงความปลอดภัยสำหรับพนักงานที่จะกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน รวมทั้งการรักษาข้อมูลระบุตัวตนและการจัดการการเข้า-ออกสถานที่ให้ผู้ที่ทำงานทางไกล โดยการมองหาเทรนด์ล่าสุดของระบบควบคุมการเข้า-ออกและวิธีการที่ดีที่สุดในการนำระบบเข้ามาใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยีโซลูชั่นไร้สัมผัส การปกป้องข้อมูล และ visitor management จะทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานมีความปลอดภัย ในขณะที่โซลูชั่นการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน จะมีบทบาทสำคัญสำหรับการใช้งานระยะไกล
ระบบไบโอเมทริกซ์ไร้สัมผัส: ระบบไบโอเมทริกซ์ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะใช้ในการรักษาความปลอดภัยของโทรศัพท์มือถือ ใบขับขี่ หรือบัตรประจำตัวที่ออกโดยภาครัฐ หรือแม้กระทั่งใช้ติดตามเพื่อตรวจวัดการออกกำลังกาย ในปี 2565 นี้ ไบโอเมทริกซ์ที่ใช้ร่วมกับโซลูชั่นการจัดการการยืนยันตัวตนผ่านระบบคลาวด์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และการรักษาความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ซึ่งช่วยรับรองการยืนยันตัวตนและปกป้องข้อมูลส่วนตัว ก็กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในทุกภาคส่วน
วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science): การรวมตัวของ IoT ระบบคลาวด์และเทคโนโลยีมือถือกำลังทำให้เกิดความเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมด้านการรักษาความปลอดภัย การชั่งน้ำหนักระหว่างการป้องกันและศักยภาพของภัยคุกคามด้านกายภาพและด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำให้วิทยาศาสตร์ข้อมูลเป็นที่สนใจมากขึ้น เพราะการถกเถียงได้เปลี่ยนจากการลดความเสี่ยงและการป้องกันไปสู่การทำนายและหลีกเลี่ยงภัยคุกคาม ในปี 2565 นี้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ machine learning (ML) จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่นการยืนยันตัวตนที่เชื่อถือได้ทั้งในทางกายภาพและดิจิทัล ทั้งยังทำงานได้อัตโนมัติ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ความแม่นยำ ความปลอดภัยอีกด้วย
การทำความเข้าใจว่าในแต่ละหัวข้อที่กล่าวมามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างไรนั้น จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เตรียมความพร้อมได้ดียิ่งขึ้น และใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ล้ำหน้าในด้านโซลูชั่นและบริการได้มากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถให้บริการด้านความปลอดภัยในระดับที่สูงขึ้น ครอบคลุมทั้งด้านกายภาพและดิจิทัล
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเอชไอดี โกลบอล
เยี่ยมชมเราได้ที่ Media Center อ่านข้อมูลใน Industry Blog และติดตามทาง Facebook LinkedIn และ Twitter
เกี่ยวกับ HID Global
เอชไอดี โกลบอล ผู้ขับเคลื่อนระบบระบุตัวตนของผู้คน สถานที่และสิ่งต่างๆ ทั่วโลก เราช่วยให้ผู้คนทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล และเดินทางได้อย่างเสรี โซลูชั่นการระบุตัวตนช่วยให้ผู้คนเข้าถึงสถานที่ได้อย่างสะดวก ทั้งสถานที่จริงทางกายภาพและสถานที่เสมือนจริงในโลกดิจิตอล และเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆ ที่บ่งชี้ ตรวจสอบ และติดตามผ่านช่องทางดิจิตอลได้ ผู้คนนับล้านทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเอชไอดีเพื่อนำทางในชีวิตประจำวัน และมีหลายพันล้านสิ่งที่เชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีของเอชไอดี เราทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สถาบันการเงิน ธุรกิจอุตสาหกรรม และบรรดาบริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยที่สุดของโลก บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ปัจจุบัน มีพนักงานกว่า 4,000 คนทั่วโลกและมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศต่างๆที่รองรับลูกค้าได้มากกว่า 100 ประเทศ HID Global(R) เป็นแบรนด์ในเครือกลุ่มบริษัท ASSA ABLOY ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hidglobal.com
ที่มา: อัลลิสัน แอนด์ พาร์ทเนอร์ส