จากการประชุม World Economic Forum เมื่อเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา ในประเด็นเรื่อง อาชีพการงานในอนาคตที่กำลังมาถึงภายใน 2025 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักทั่วโลก อันเป็นผลกระทบจากวิกฤติโลกระบาดโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อคนจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังกลายเป็นกลไกในการผลักดันให้มนุษย์ต้องเอาตัวรอดด้วยการคิดค้นพัฒนา และพึ่งพิงเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น โดยมีการคาดการว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก เพราะ 10 ตำแหน่งงานจะหายไป อาทิเช่น พนักงานบัญชี คนทำงานโรงงาน เสมียน แผนกลูกค้าสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งจะกระทบต่อคนประมาณ 85ล้านคนในขณะเดียวกันจะก่อเกิดตำแหน่งงานใหม่ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ AI, Data Data, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation, ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, นักวางแผนการตลาดบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไปจนถึง ผู้พัฒนาซอฟแวร์ และ Application ต่างๆ กำลังเป็นที่ต้องการกว่า 97ล้านคนทั่วโลก (อ้างอิง www.weforum.org)
การคาดการนี้หมายความว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจะต้องการคนทำงานเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้น เราควรจะปรับตัว เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอย่างเร็วที่สุด เพื่อพัฒนาตัวเองให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และพร้อมรับมือกับรูปแบบงานใหม่ๆ ที่กำลังจะมาถึง และข่าวดีคือมีงานวิจัยพบว่า การย้ายจากสายงานที่กำลังจะหายไป แล้วก้าวเข้าสู่งานรูปแบบใหม่ จะใช้เวลาในการเรียนรู้อย่างจริงจังเพียงแค่ 2 – 6 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นนี่คือโอกาสครั้งสำคัญสำหรับทุกคนที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และเปลี่ยนทักษะการทำงานเพื่อให้อยู่ได้ต่อไปในอนาคต ยิ่งเร็ว ยิ่งดี
สำหรับประเทศไทยเอง ได้มีสถานการณ์ของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ บริษัทพัฒนาซอฟแวร์ออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะ Finema (ฟินีม่า) บริษัท ผู้พัฒนาแพลทฟอร์ม Enterprise Decentralized Digital Identity และ เทคโนโลยี Verifiable Credential (VC) แห่งแรกในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็น ผู้นำในเอเชียแปซิฟิกที่เป็นสมาชิกของ องค์กรระดับโลก อย่าง Decentralized Identity Foundation (DIF) ที่มีสมาชิกเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลก อาทิ Microsoft, IBM, Accenture ฯลฯ เพราะหลังจากได้รับเงินลงทุนรอบ Seed Round มูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ที่ผ่านมา บริษัทได้นำมาพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกอย่าง Self-Sovereign Identity (SSI) หรือระบบพิสูจน์ และ การยืนยันอัตลักษณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ “คนทุกคนได้เป็นเจ้าของตัวตนของตนเอง โดยสมบูรณ์” ด้วยการใช้งาน ผ่านแพลทฟอร์ม Decentralized Digital Identity ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ผ่าน Blockchain ที่มีคุณสมบัติ การเก็บข้อมูลแบบไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมดิจิทัลต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมี ความปลอดภัยสูงสุด
กับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนกระแส ทุกธุรกิจที่หลายแห่งจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน ในขณะที่บริษัท ฟินีม่า ประเทศไทยต้อนรับปี 2021 นี้ด้วยการประกาศรับพนักงานเพิ่มอีก กว่า 22 ตำแหน่ง เพื่อเสริมทีมให้แข็งแรงและก้าวหน้าขึ้นไปอีก เพื่อเตรียมพร้อมรับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล กับการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลโดยสมบูรณ์ทั้งของไทยและของโลก หากใครที่สนใจจะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่พัฒนาแพลตฟอร์มและ Identity Tech ส่งใบสมัครกันได้ที่ [email protected] หgเพื่อเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศการทำงานของเหล่า Tech Geek และการเทรนนิ่งให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีแบบเจาะลึกกันเน้นๆ แบบอาทิตย์ละครั้ง เพื่อการพัฒนาตัวเองแบบไม่สิ้นสุดร่วมกันนั้นเป็นยังไง
ที่มา: ฟินีม่า