ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของแอลจีเผยกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมแบบเปิด และความสำคัญของการร่วมมือสู่เป้าหมายที่สอดคล้องกันในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ทุกคน
ภายในงาน CES(R) 2021 ซึ่งจัดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเร็วๆ นี้ ดร. ไอพี พาร์ค ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (แอลจี) ได้ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทด้านนวัตกรรมแบบเปิดในยุคแห่งการเว้นระยะห่างทางสังคม ในฐานะเจ้าภาพของการเสวนา “LG Future Talk” พร้อมอธิบายและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรมแบบเปิดต่อหลักการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ครั้งล่าสุดของแอลจีในปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของแอลจีในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้นยังคงอยู่เช่นเดิม รวมถึงความสามารถในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคทั่วโลก
โดย ดร. ไอพี พาร์ค เน้นถึงผลิตภัณฑ์แห่งการค้นพบครั้งใหม่อย่างหน้ากากฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ (LG PuriCare Wearable Air Purifier) และกล้องตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนอัจฉริยะแอลจี (LG Smart Thermal Camera) ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ แอลจียังปรับรูปแบบการทำงานของหุ่นยนต์ CLOi ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและภารกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การฆ่าเชื้อโรคในบริเวณที่มีอัตราการจราจรสูงในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการจัดส่งสิ่งของไปตามบ้าน และการเสิร์ฟอาหารภายในร้าน เพื่อเพิ่มสุขลักษณะและลดโอกาสความเสี่ยงต่อสุขภาพของทั้งลูกจ้างและลูกค้า
ใจความสำคัญของการเสวนาในครั้งนี้คือนวัตกรรมแบบเปิด ซึ่ง ดร. ไอพี พาร์ค ได้ให้ข้อมูลร่วมกับ มร. แกรี แชพีโร ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมผู้พัฒนาเทคโนโลยีสินค้าสำหรับผู้บริโภค (Consumer Technology Association) ถึงพลังที่เติบโตขึ้นผ่านความร่วมมือของวงการและอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพื่อมอบสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ผู้บริโภค โดยคณะกรรมการด้านนวัตกรรมของแอลจี (LG Innovation Council) เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของโครงการความร่วมมือหลากหลายโครงการของแอลจี ซึ่งได้รวบรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาเรียนรู้และทำงานร่วมกัน เพื่อค้นหาโอกาสและวิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน
มร. แกรี แชพีโร กล่าวว่า “เทคโนโลยีและภาคส่วนต่างๆ ล้วนมีเป้าหมายร่วมกันในการสนับสนุนแม่ข่ายของนวัตกรรมเชิงดิจิทัล ได้แก่ AI การเชื่อมต่อ 5G เทคโนโลยี IoT คลาวด์ เซ็นเซอร์ ระบบนำทาง และแบตเตอรี่ สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีของการเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเรา และเรายังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นในภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ การขนส่ง โลจิสติกส์ เกษตรกรรม สาธารณสุข และแม้กระทั่งอุตสาหกรรมอาหาร”
แนวทางการพัฒนานวัตกรรมแบบเปิดเช่นนี้นำมาซึ่งรากฐานที่สำคัญของทุกโครงการที่แอลจีกำลังพัฒนาอยู่ โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้แบรนด์ LG ThinQ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และ IoT ของบริษัท ดร. ไอพี พาร์ค ได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับแผนงานที่น่าตื่นเต้นในการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้วยการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดจากทุกหมวดเข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่น่าพึงพอใจและความสะดวกสบายที่ล้ำหน้าให้แก่ผู้บริโภคว่า “ความสามารถและการเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสร้างอีโคซิสเต็มเพื่อให้แอลจีและพันธมิตรร่วมมือกันในการขยาย ปรับปรุง และพัฒนาสิ่งที่เรานำเสนอให้แก่ผู้บริโภค”
การเสวนาในครั้งนี้ยังมี มร. เดวิด แรบบี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโทวาลา (Tovala) บริษัทผู้ผลิตชุดอาหารพร้อมปรุงด้วยเตาอบ ซึ่งจะถูกวางจำหน่ายผ่าน LG ThinQ Store ในเร็วๆ นี้ เข้าร่วมด้วย โดย ดร. ไอพี พาร์ค ได้กล่าวว่าในอนาคต แอพ LG ThinQ จะได้รับการพัฒนาจนมีความสามารถที่เหนือกว่าการควบคุมและการติดตามเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จากความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลายและการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น ฟีเจอร์ Scan-to-Cook ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเตาอบสำหรับการอุ่นอาหารพร้อมปรุงที่เหมาะสมได้ในทันที ผ่านการสแกนบาร์โค้ดที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ มอบประสบการณ์การบริหารจัดการภายในบ้านที่สะดวกสบาย เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคใช้เวลาได้มากขึ้นกับสิ่งที่มีความสำคัญกับพวกเขามากที่สุด
ดร. ไอพี พาร์ค ยังได้ร่วมเสวนากับ มร. ชอง-ฟรองซัว กาเย่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เอเลเม็นท์ เอไอ (Element AI) ซึ่งเป็นผู้ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับขอบข่ายงานในหัวข้อ Levels of AI Experience กับ ดร. ไอพี พาร์ค ภายในงาน CES 2020 ปีที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทและพันธมิตรอื่นๆ ได้ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มแห่งนวัตกรรมครั้งใหม่ที่ชื่อว่า AIX Exchange ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้นำในอุตสาหกรรม นักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย และผู้บริโภค ติดต่อกันได้โดยตรงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน AI เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ทุกคน นอกจากนี้ ดร. ไอพี พาร์ค ยังเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่แอลจีได้พัฒนาขึ้น รวมถึง Visual Pack ซึ่งจะมาพัฒนาความสามารถด้าน AI ของตู้เย็น ThinQ และกระจกอัจฉริยะของแอลจีให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการเสวนาดังกล่าวคือ วิสัยทัศน์ของแอลจีในการสร้างประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคที่สม่ำเสมอและสามารถขยายการเชื่อมต่อไปสู่ทุกภาคส่วนของชีวิตผู้บริโภค โดย ดร. ไอพี พาร์ค และ มร. ดมิทรี ลอสชีนิน รองประธานกรรมการบริหาร ดีเอ็กซ์ซี เทคโนโลยี (DXC Technology) และประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลักซอฟท์ (Luxoft) ได้ร่วมกันเปิดตัว อัลลูโท (Alluto) บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ระหว่างแอลจีและดีเอ็กซ์ซี ลักซอฟท์ ซึ่งจะพัฒนาประสบการณ์ภายในพาหนะ โดยต่อยอดจาก webOS Auto ของแอลจีเพื่อเชื่อมต่อการทำงานภายในรถยนต์สู่การทำงานภายในบ้านและออฟฟิศได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกตัวอย่างถึงศักยภาพของ webOS ดร. ไอพี พาร์ค ได้นำเสนอแนวคิดห้องโดยสารอัจฉริยะแบบใหม่ ซึ่งจะนำเสนอประสบการณ์ร่วมแบบอินเทอร์แอคทีฟแก่ผู้โดยสาร รวมถึงความเป็นไปได้ของการสร้างอีโคซิสเต็มแบบเคลื่อนที่ด้วยระบบคลาวด์ เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์และสาธารณะที่หลากหลาย เช่น การบริหารจัดการระบบโดยสารอัจฉริยะในเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคต เป็นต้น
ดร. ไอพี พาร์ค เน้นว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันข้ามอุตสาหกรรม เพราะการสร้างและขยายอีโคซิสเต็มเช่นนี้จำเป็นต้องใช้ความพยายามจากหลากหลายสาขา สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลคือการทำงานเป็นทีมและการร่วมมือกัน”
ท่านสามารถรับชมการเสวนา LG Future Talk และนวัตกรรมล่าสุดทั้งหมดของแอลจีได้ที่บูธแสดงสินค้าออนไลน์ภายในงาน CES 2021 ของบริษัท
ที่มา: แอลจี-วัน ประเทศไทย