ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) นำ AI มาช่วยให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบ เร่งหนุนลูกค้าใช้โปรแกรมด้านพลังงาน ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ได้เร็วขึ้น
- การลงทุนหลายล้านเหรียญกับเทคโนโลยี AI และแมชชีนเลิร์นนิ่ง ช่วยขับเคลื่อนบริการที่ให้ศักยภาพด้านดิจิทัลในแบบเน็กซ์เจน
- ช่วยให้มีแนวทางมุ่งเน้นสู่อนาคตในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น ทั้งการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากร ที่ช่วยสร้างประโยชน์ทั้งเรื่องของรายได้และผลกำไรให้กับองค์กรในปัจจุบัน
- ช่วยสนับสนุนลูกค้าของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้บรรลุผลลัพธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยลดการใช้ทรัพยากร ให้ความโปร่งใสด้านข้อมูล ตลอดจนมอบความยืดหยุ่นทางธุรกิจ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ประกาศผลที่ได้จากการลงทุนครั้งใหม่หลายล้านเหรียญในส่วนเครื่องมือด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งและวิทยาศาสตร์ข้อมูล การลงทุนครั้งนี้เป็นการนำ AI มาช่วยในการให้คำปรึกษาเพื่อนำเสนอบริการด้านพลังงานและความยั่งยืน ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลระดับเน็กซ์เจน ช่วยปรับปรุงมุมมองเชิงลึกและการวิเคราะห์ในส่วนของพอร์ตด้านพลังงานและความยั่งยืนของบริษัท อีกทั้งช่วยผลักดันผลลัพธ์ที่ให้ประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งด้านการเงินและการสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นด้านสภาพอากาศและดำเนินตามเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการลดการใช้ทรัพยากรอื่นๆ
การลงทุนดังกล่าวช่วยให้ใช้ทรัพยากรในองค์กรได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ และช่วยลดข้อมูลระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและพลังงานครั้งใหญ่ในทั่วโลก บริษัทส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านข้อมูลที่จำกัดแนวทางในการสร้างความยั่งยืน โดยบริษัทเหล่านี้ต่างต้องพยายามรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลและการใช้ทรัพยากรที่ไม่สอดคล้อง ไม่สมบรูณ์ ในปริมาณที่มากเกินไป และมีคุณภาพต่ำ ซึ่งการนำ AI มาใช้ช่วยให้บริษัทต่างๆ ได้รับคุณค่าจากข้อมูลที่สร้างได้มากยิ่งขึ้น และให้การวิเคราะห์ที่แม่นยำขึ้น มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อใช้เป็นพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์ด้านพลังงานและความยั่งยืน
การเสริมแมชชีนเลิร์นนิ่งและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไว้ในบริการการให้คำปรึกษาด้านพลังงานและความยั่งยืน เป็นความเชี่ยวชาญที่สืบทอดมายาวนานนับหลายทศวรรษของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยต่อยอดแนวทางของลูกค้าในการจัดหาและเลือกซื้อพลังงานรวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรได้เป็นอย่างดี การลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ลูกค้า โดยช่วยให้ได้รับประโยชน์จากความสามารถในการคาดการณ์ได้ดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มมุมมองเชิงลึก การยกระดับความสามารถเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนข้อมูลเป็นมุมมองเชิงลึกที่มีค่าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ให้คำแนะนำได้ตรงประเด็นต่อความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และให้การสนับสนุนลูกค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการรักษาสภาพแวดล้อมได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจถึงการช่วยลดค่าใช้จ่าย บริหารจัดการความเสี่ยง ช่วยเก็บเกี่ยวโอกาส และสร้างความยืดหยุ่นให้กับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
“เราเห็นโอกาสมหาศาลจากการนำข้อมูลและมุมมองเชิงลึกที่สร้างโดยองค์กรปัจจุบันมาใช้ เพื่อให้ได้รับสิ่งที่มากกว่าแค่เรื่องประโยชน์ในการดำเนินงาน เมื่อผสานรวมข้อมูลดังกล่าวกับความเชี่ยวชาญของทีมงานระดับโลก สามารถนำมาต่อยอดแนวทางในการสร้างความยั่งยืนขององค์กรได้อย่างโดดเด่น” สตีฟ วิลไฮท์ รองประธานอาวุโส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “แนวทางการผสานระหว่างสติปัญญาของมนุษย์กับจักรกล เป็นที่พิสูจน์แล้วว่ามีการนำมาประยุกต์ใช้กับการบริการด้านการเงิน และที่ปรึกษาด้านธุรกิจแบบเดิมแล้ว โดยเราพบว่าความชาญฉลาดในการประสานความร่วมมือที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ร่วมกับที่ปรึกษาระดับโลก ช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความยั่งยืนได้”
การลงทุนของบริษัทในบริการระดับเน็กซ์เจนนี้นำไปสู่โอกาสใหม่สำหรับลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมการนำเสนอที่มีอยู่ปัจจุบัน เช่น โซลูชัน EcoStruxure Resource Advisor? ซึ่งให้ความสามารถในเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
- จับคู่ข้อมูลได้ตรงกับข้อเสนอแนะที่ช่วยเร่งตอบโจทย์เฉพาะสำหรับลูกค้าได้มากขึ้น
- การต่อยอดครั้งใหม่ที่ช่วยให้บริหารแหล่งพลังงานทางเลือกที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ (DERs) ความเสี่ยงราคาสินค้า และอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ดียิ่งขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น Robotic Process Automation ที่ช่วยให้มองเห็นข้อผิดพลาด และตรวจพบโอกาสใหม่ในการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากกว่าแต่ก่อน
- ช่วยให้พอร์ตด้านพลังงานมีความน่าเชื่อถือและมีความยืดหยุ่นแบบเรียลไทม์มากยิ่งขึ้น
- ให้มุมมองที่ดูได้จากมือถือที่เข้าถึงข้อมูลได้ตลอดทุกเวลา
“การลงทุนนี้เป็นผลจากการรับฟังและตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ผลลัพธ์ที่ได้คือเฟรมเวิร์คการทำงานที่ช่วยให้เราตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร รวมถึงระบบการจัดซื้อของบริษัทรายใหญ่ในแนวทางที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสำหรับลูกค้า” วิลไฮท์ กล่าว “นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมงานมีเวลาว่างสำหรับไปติดต่อกับลูกค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น การทำให้กระบวนการด้านข้อมูลเป็นระบบอัตโนมัติและแสดงผลลัพธ์ของลูกค้าออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้อย่างล้ำหน้านี้ จะช่วยเสริมและเร่งสู่การตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ทีมงานของเราสามารถนำเสนอโซลูชันที่มีนวัตกรรมมากขึ้น เร็วขึ้น และให้ความยั่งยืนมากขึ้นในยุคที่สภาพอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้ผลพลอยได้เรื่องผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและให้ประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย”
ที่มา: เอพีพีอาร์ มีเดีย