ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ผลิตต่างเผชิญกับความท้าทายในการเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความสามารถในการขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT จึงได้เปิดตัว “โซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะ” (Smart Warehouse and Logistics Solution) ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนการผลิตไปจนถึงการจัดการวัสดุ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับนวัตกรรมโรงงานอัจฉริยะ
นาย แวนติ ฟ่าน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย กลุ่มโซลูชันระบบอัตโนมัติงานอุตสาหกรรม – SEA+ ที่ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะไม่ใช่เพื่อยกระดับเทคโนโลยีเพียงเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะของเดลต้ามอบกรอบการทำงานด้านระบบอัตโนมัติที่ทั้งชาญฉลาดและครบวงจร ช่วยให้โรงงานสามารถยกระดับประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความยั่งยืนไปสู่มาตรฐานใหม่ได้”
การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมสู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะและความยั่งยืน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ระดับโลก อันเนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และโทรคมนาคม เมื่อปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น บริษัทต่าง ๆ จึงหันมาใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ และขยายกำลังการผลิตให้มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ในขณะเดียวกัน ความยั่งยืนก็ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ผลิตต่างมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายโรงงานที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) หรือลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint)
จากผลการวิจัยตลาด คาดการณ์ว่าตลาดคลังสินค้าอัตโนมัติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตจาก 640 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 หรือประมาณ 2 หมื่นหนึ่งพันล้านบาท เป็น 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณสามหมื่นเก้าพันล้านบาท ในปี 2571 ซึ่งสะท้อนอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.51% ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยและมาเลเซียกำลังกลายเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) จากทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำความจำเป็นในการนำโซลูชันอัตโนมัติอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความยืดหยุ่น และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ก้าวสู่การผลิตที่อัจฉริยะและยั่งยืนอย่างแท้จริง
โซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะจากเดลต้า สามารถตอบโจทย์ต่อความท้าทายของอุตสาหกรรมยุคใหม่ด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งบูรณาการกับระบบดำเนินการผลิต (MES) ระบบโปรแกรมอุปกรณ์อัตโนมัติ (EAP) ระบบควบคุมวัสดุ (MCS) และระบบขนส่งลำเลียงแบบอัตโนมัติ (AGVs) เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มความยืดหยุ่น และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ด้วยการบูรณาการระบบอัตโนมัติเข้ากับกระบวนการผลิต ผู้ประกอบการไม่เพียงแต่สามารถยกระดับประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการผลิตได้เท่านั้น แต่ยังสามารถปฏิบัติตามกรอบมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในระดับสากล ทั้งนี้ การใช้ระบบขนส่งลำเลียงแบบอัตโนมัติ (AGVs) ยังช่วยลดภาระการขนย้ายวัสดุที่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น ในขณะที่การตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยลดการผลิตที่เกินความจำเป็นและการสะสมสต็อกส่วนเกิน ซึ่งเป็นสองสาเหตุหลักของการเกิดขยะอุตสาหกรรม
กรอบการดำเนินงานอัจฉริยะ
- การวางแผนการผลิตอัจฉริยะ – ระบบ MES ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการวางแผนและควบคุมกระบวนการผลิต ช่วยปรับปรุงการสื่อสารระหว่างระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมลดข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมลงได้ถึง 30% ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น
- การควบคุมอุปกรณ์อัตโนมัติ – แพลตฟอร์ม EAP ทำหน้าที่แปลงคำสั่งจาก MES ให้เป็นชุดคำสั่งสำหรับเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ เพื่อรองรับการผลิตที่แม่นยำ ปราศจากข้อผิดพลาด และลดการสูญเสียพลังงานให้มากที่สุด
- ระบบโลจิสติกส์วัสดุแบบเรียลไทม์ – ระบบ MCS ที่ทำงานประสานกับ AGVs เพื่อสนับสนุนการขนส่งวัสดุแบบทันเวลา (Just-in-Time) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในงานโลจิสติกส์ได้ถึง 25-35% และช่วยลดเวลาการรอคอย (Idle Time) ลงได้ถึง 15-30%
ประโยชน์สำหรับผู้ผลิต
โซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะจากเดลต้า มอบประโยชน์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความแม่นยำในกระบวนการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ผลิตสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้สูงสุด และยกระดับกำลังการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้การผสานระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์ ทำให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตจะมีความแม่นยำและความเที่ยงตรงมากขึ้น นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังช่วยลดความเสี่ยงในสถานที่ทำงานของบุคลากร เนื่องจากระบบอัตโนมัติช่วยลดการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่อันตราย เช่น พื้นที่ที่มีการใช้สารเคมี
โซลูชันนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถบริหารต้นทุนแรงงานได้อย่างเหมาะสม ลดของเสีย และปรับกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ระบบโลจิสติกส์แบบเรียลไทม์และการจัดการวัสดุแบบทันเวลา (Just-in-Time) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการซัพพลายเชน ลดการใช้แรงงานและการปล่อยมลพิษจากเครื่องจักรที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้ผู้ผลิตสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนำระบบอัตโนมัติอัจฉริยะมาใช้ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันผลิตภาพพร้อมไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นในระยะยาว ท่ามกลางภูมิทัศน์ของการผลิตที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เดลต้ายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันการผลิตที่อัจฉริยะและยั่งยืน หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์อัจฉริยะ ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero และ ESG กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ https://www.deltathailand.com/th/solutions/logistics-and-transportation