1datapipe(TM) เปิดตัว Living Identity(TM) Intelligence เจเนอเรชันใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกระดับความปลอดภัยทางดิจิทัลและขยายโอกาสทางการเงิน

ธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเร่งการพลิกโฉมธุรกิจด้วยดิจิทัล ทำให้มีการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ส่งผลให้ภูมิภาคตกเป็นเป้าของการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญแก่ระบบการพิสูจน์ตัวตนและการป้องกันการฉ้อโกงที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับปัยหาดังกล่าว 1datapipe(TM) กำลังเปิดตัวโซลูชัน Living Identity(TM) ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ โดยจะช่วยให้สถาบันการเงิน ฟินเทค และแพลตฟอร์มดิจิทัลสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบจากโลกแห่งความจริง โครงการนี้จะช่วยพลิกโฉมการตรวจจับการฉ้อโกง ยกระดับกระบวนออนบอร์ดดิ้งลูกค้าใหม่ และเปิดโอกาสทางการเงินให้กับกลุ่มประชากรที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน

สถาบัน Tech for Good Institute (TFGI) ได้เผยแพร่รายงาน The Platform Economy: Southeast Asia’s Digital Growth Catalyst ซึ่งสำรวจสถานะของเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลใน 6 ประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย พบว่าบริการทางการเงินดิจิทัล (DFS) เป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม และมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการทางการเงินในภูมิภาคนี้

แรงงานนอกระบบ ซึ่งคาดว่ามีสัดส่วนมากกว่า 70% ของแรงงานทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน คนจำนวนมากไม่มีบัญชีธนาคาร มีหนี้สิน และทำธุรกรรมส่วนใหญ่ด้วยเงินสด ทำให้พวกเขาไม่สามารถสร้างประวัติสินเชื่อที่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินในระบบได้

แก้ปัญหาการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลในอินโดนีเซีย

การเติบโตของธนาคารดิจิทัล พร้อมทั้งบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) และสินเชื่อฟินเทคนั้นส่งผลให้อินโดนีเซียเผชิญกับความเสี่ยงจากการฉ้อโกงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการปลอมแปลงข้อมูลส่วนบุคคล (Synthetic Identity Fraud) และการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น อาชญากรใช้การปลอมแปลงบัตรประชาชน (KTP) การยึดครองบัญชี และช่องโหว่ของระบบตรวจสอบบุคคล เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต รายงานระบุว่าการสมัครสินเชื่อปลอมเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารและฟินเทคสูญเงินไปจำนวนมาก

แม้ว่าการใช้งานดิจิทัลจะแพร่หลาย แต่ธุรกิจจำนวนมากยังคงมีฐานข้อมูลส่วนบุคคลที่ล้าสมัยทั้งยังถูกเก็บแยกเป็นส่วน ๆ ซึ่งไม่สามารถตรวจจับการฉ้อโกงที่ซับซ้อนได้ ผลที่ตามมาคือ อัตราหนี้เสียที่สูงขึ้น ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นในบริการทางการเงินดิจิทัลก็ลดลงอีกด้วย

คุณ Carey Anderson ซีอีโอแห่ง 1datapipe(TM) กล่าวว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ความเสี่ยงจากการฉ้อโกงก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับไวด้วยเช่นกัน อุตสาหกรรมต่างต้องใช้วิธีการใหม่ ๆ ในการคัดกรองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหนือกว่าด้วยวิธีการตรวจสอบ KTP ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับการโครงสร้างจากโลกแห่งความจริง”

“ด้วยโซลูชัน Living Identity(TM) ของเรา ธนาคารและฟินเทคจะสามารถตัดสินใจปล่อยสินเชื่อได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ป้องกันการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินทั่วประเทศ”

Living Identity(TM): แนวทางในการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลที่ล้ำกว่า

โซลูชัน Living Identity(TM) ของ 1datapipe(TM) ไม่ได้พึ่งพาฐานข้อมูลที่ล้าสมัย แต่จะทำการอัปเดตข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องและวางโครงสร้างให้ Identity Data เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวมีความแม่นยำและเชื่อถือได้ โดยแนวทางแบบเรียลไทม์นี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถ

– ตรวจสอบ Identity ได้อย่างแม่นยำเพื่อลดการฉ้อโกงในบริการสินเชื่อ BNPL และ e-wallet

– เสริมความแข็งแกร่งให้กระบวนการ KYC (Know Your Customer) และ AML (Anti-Money Laundering)

– ยกระดับการตรวจจับการฉ้อโกง พร้อมลดจำนวนการแจ้งเตือนแบบ False Positives

– เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ความเสี่ยงของลูกค้า เพื่อการตัดสินใจเรื่องเครดิตได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้น

คุณแอนเดอร์สันกล่าวเสริมว่า “ธุรกิจในอินโดนีเซียต้องเผชิญกับปัญหาข้อมูลส่วนบุคคลที่กระจัดกระจายและมีคุณภาพต่ำมาอย่างยาวนาน เราจึงใช้แนวทางที่ไม่เหมือนใคร โดยนำเสนอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการวางโครงสร้างและผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งช่วยเสริมให้โมเดล AI มีศักยภาพในการประเมินความเสี่ยง ช่วยให้สถาบันการเงินลดอัตราการฉ้อโกงและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงทางการเงินได้”

ความพร้อมด้านกฎระเบียบและกลยุทธ์ Market Adaptation

เมื่ออินโดนีเซียเพิ่มความเข้มงวดของกฎระเบียบ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทั้งจาก Otoritas Jasa Keuangan (OJK), ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ (PDP Law) โดย 1datapipe(TM) รับประกันว่าโซลูชัน Identity Intelligence ของบริษัทเป็นไปตามกฎระเบียบเหล่านี้ โดยนำเสนอแนวทางการป้องกันการฉ้อโกงที่ปลอดภัยและสอดรับกับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวสำหรับสถาบันการเงิน

การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงทางการเงินและเสริมสร้างความเชื่อมั่นทางดิจิทัลในอินโดนีเซีย

แม้ว่าจะมีชาวอินโดนีเซียหลายล้านคนที่ยังไม่มีบัญชีธนาคารหรือเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน การส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญ 1datapipe(TM) จึงกำลังใช้เทคโนโลยี Identity Intelligence ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้กลุ่มธุรกิจเข้าถึงประชากรที่ขาดโอกาส พร้อมลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง

คุณแอนเดอร์สันกล่าวโดยสรุปว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซียไม่สามารถเติบโตได้หากปราศจากความเชื่อมั่น สถาบันการเงินต้องไม่เพียงแค่เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความปลอดภัยในทุกระดับ การป้องกันการฉ้อโกงและการส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินต้องเดินไปด้วยกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน ด้วยเทคโนโลยี Identity Intelligence ที่ล้ำสมัยของเรา เรากำลังจะทำให้สิ่งนี้เป็นจริงขึ้นมา เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจ พร้อมปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอยู่เรื่อย ๆ ”