จากรายงานของแคสเปอร์สกี้พบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) มีการโจมตีด้วยฟิชชิงทางการเงินในภูมิภาคอาเซียนรวม 336,294 ครั้ง โดยมักแอบอ้างเป็นแบรนด์อีคอมเมิร์ซ ธนาคาร และบริการชำระเงิน เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ
การโจมตีเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการที่แฮกเกอร์ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการสร้างเนื้อหาหลอกลวงที่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
สถิติรายประเทศ:
- ไทย: 141,258 ครั้ง (เพิ่มขึ้น 582%)
- อินโดนีเซีย: 48,439 ครั้ง
- เวียดนาม: 40,102 ครั้ง
- มาเลเซีย: 38,056 ครั้ง
- สิงคโปร์: 28,591 ครั้ง (เพิ่มขึ้น 406%)
- ฟิลิปปินส์: 26,080 ครั้ง
นายเอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของแคสเปอร์สกี้ คาดการณ์ว่า การโจมตีจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคธนาคาร ประกันภัย และอีคอมเมิร์ซ อีกทั้งจะมีการใช้เทคโนโลยี Deepfake สร้างวิดีโอและเสียงปลอมที่ตรวจจับได้ยากขึ้น
คำแนะนำสำหรับองค์กรในการป้องกัน:
- อัปเดตซอฟต์แวร์สม่ำเสมอ
- ติดตั้งระบบ VPN ที่ปลอดภัย
- สำรองข้อมูลเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย
- ควบคุมการเข้าถึงระบบอย่างเข้มงวด
- จัดทำแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
- จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย
- ให้ความรู้และฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
แคสเปอร์สกี้แนะนำให้องค์กรใช้โซลูชันความปลอดภัยที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ พร้อมทั้งฝึกอบรมพนักงานให้มีความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง