บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนการประยุกต์ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ด้วยการบริจาคอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายในงานพิธีส่งมอบอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาซึ่งจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะให้การสนับสนุนหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อมอบองค์ความรู้ด้านการติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่บุคลากรของกฟภ. ทั้ง 12 เขต ทั่วประเทศไทย เพื่อส่งมอบประโยชน์สูงสุดสำหรับการบริการลูกค้าของกฟภ. ที่ต้องการหันมาใช้พลังงานสะอาด รองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต รวมทั้งยังเป็นการต่อยอดความร่วมมือด้านการทำตลาดร่วมกันสำหรับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขยายตลาดพลังงานสะอาดในประเทศไทย และตอกย้ำจุดยืนของหัวเว่ยในด้านการ ‘เติบโตในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย’
นายโลแกน ยู กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ พลังงานดิจิทัล (Digital Power) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ผู้ออกแบบโซลูชันอัจฉริยะด้านดิจิทัลพาวเวอร์สำหรับทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน และเป้าหมายของบริษัทในการผลักดันการประยุกต์ใช้พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต่อยอดความร่วมมือครั้งสำคัญอีกครั้งกับทางกฟภ. จากกิจกรรมการบริจาคอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ให้แก่ กฟภ. ในครั้งนี้ โดยอุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยผลิตพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการใช้ฝึกอบรมและให้ความรู้ในการติดตั้งสำหรับบุคลากรของ กฟภ. เพื่อช่วยยกระดับทั้งด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์และการบริการติดตั้งให้แก่ลูกค้าในไทยด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์ระดับโลกของหัวเว่ย เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมบุคลากรไทยในการนำประเทศสู่การปฏิวัติสีเขียว เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ช่วยให้ กฟภ. รักษาตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรม รวมทั้งยังได้ช่วยสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ชาญฉลาดยิ่งขึ้น และยังเชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้นไปพร้อมกัน”
เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเทคโนโลยีโซลาร์รูฟในภาคครัวเรือนของหัวเว่ยได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ภายใต้ชื่อ Huawei Residential Solution แบบ ‘1+4+X’ หรือ one-fits-all ที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ยอดเยี่ยมและครบวงจรที่สุดให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย ด้วยระบบการชาร์จพลังงานอัจฉริยะ อุปกรณ์แปลงผันกำลังไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน ตลอดจนระบบการจัดการและแสดงผลชั้นแนวหน้าที่ได้รับการยอมรัยในตลาดโลก
ด้านนายประสิทธ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการสายงานธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ให้เกียรติกล่าวในพิธีรับมอบอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวจากหัวเว่ยว่า “ในฐานะตัวแทนของกฟภ. ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมรับมอบอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ระหว่าง กฟภ. และ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการต่อยอดความร่วมมือจากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการทำตลาดร่วมกันด้านผลิตภัณฑ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน จนทำให้เกิดเป็นความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกันในการฝึกอบรมและให้ความรู้ในการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา จำนวน 12 ชุด ให้แก่บุคลากร ของ กฟภ. ทั้ง 12 เขต เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับการให้บริการกับลูกค้าของ กฟภ. ทั่วทั้งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้มีกลุ่มผู้ใช้งานในภาคครัวเรือนของประเทศไทยหันมาใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถพัฒนาและต่อยอดความร่วมมือในด้านอื่น ๆ กับหัวเว่ยได้ในอนาคต”
ก่อนหน้านี้ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อร่วมกันศึกษาการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Energy Storage System) สำหรับระบบไฟฟ้าของ กฟภ.
หัวเว่ย ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานดิจิทัลในระดับโลก และมีบริการรวมถึงโซลูชันต่าง ๆ ที่ได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในตลาดมากกว่า 170 ประเทศ ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บพลังงาน การนำไปใช้งาน และความปลอดภัยในการใช้งานพลังงานสะอาดโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ โดยหัวเว่ยต้องการสันบสนุนให้ทั้งภาครัฐ ภาคองค์กร และภาคครัวเรือนร่วมติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ตามเป้าหมายเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ และตามพันธกิจของหัวเว่ยที่ต้องการ ‘เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และร่วมสนับสนุนประเทศไทย’ และ ‘การปลดปล่อยขุมพลังแห่งดิจิทัลเพื่ออนาคตที่ดีกว่า’