ด้วยความเชื่อที่ว่าสมาร์ตโฟนเป็นอุปกรณ์ AI ส่วนบุคคลที่สำคัญที่สุด OPPO จึงได้นำ Generative AI มาใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟนของ OPPO ทั้งหมด โดยให้คำมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง AI Phone ได้
- นอกเหนือจากการพัฒนาความสามารถ AI ของตัวเองแล้ว OPPO จะร่วมมือกับ Google, MediaTek, Microsoft และ พันธมิตรอื่น ๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมเพื่อมอบประสบการณ์ AI Phone ที่ได้รับการพัฒนา
- OPPO พร้อมส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ด้วย Generative AI และจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบบฟูลสแต็ค และการปรับโครงสร้างระบบนิเวศของ AI Phone ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่
OPPO เผยความมุ่งมั่นในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโทรศัพท์ AI ขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงการปฏิวัติทางเทคโนโลยีแบบเต็มรูปแบบและการปรับโครงสร้างระบบนิเวศของ AI Phone ในอนาคต นอกจากนี้ OPPO ยังแชร์ภาพชีวิตที่ชาญฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้นที่จะเกิดขึ้นผ่าน AI Phone ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมจาก Google, MediaTek และ IDC
OPPO ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ AI Phone ใช้งานได้อย่างเท่าเทียมโดยนำ Generative AI มาสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ด้วยการเข้าถึงทั่วโลกที่กว้างขวาง การเชื่อมต่อขั้นสูง และความสามารถที่หลากหลาย สมาร์ตโฟนจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในฐานะอุปกรณ์ AI ส่วนบุคคลที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสมาร์ตโฟนแพร่หลาย OPPO เชื่อว่า AI ไม่ควรคงอยู่เฉพาะในโทรศัพท์รุ่นเรือธงและผู้ใช้บางกลุ่มเท่านั้น แต่ควรให้ผู้ใช้ทั่วโลกเข้าถึงได้มากขึ้นแทน
“ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งของเรา OPPO มุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง AI Phone” Billy Zhang, President of Overseas MKT, Sales and Service at OPPO กล่าว “นับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่OPPO นำ Generative AI มาสู่ทุกสายผลิตภัณฑ์ ภายในสิ้นปีนี้ เราคาดว่าจะนำฟีเจอร์ Generative AI มาสู่ผู้ใช้ประมาณ 50 ล้านคน”
รายงานการวิจัยล่าสุดของ IDC เรื่อง “Time to Democratize the Impact of AI Tech” ตอกย้ำศักยภาพที่สำคัญของตลาดนี้ จากข้อมูลของ IDC การจัดส่ง AI Phone ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโต 250% ในปี 2567 หรือแตะ 35 ล้านเครื่อง Generative AI กำลังเข้ามาในชีวิตประจำวันผ่านทางโทรศัพท์มากขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์ด้านความบันเทิง สำนักงานเคลื่อนที่ และอื่นๆ
ขับเคลื่อนการเข้าถึง AI Phone ผ่านนวัตกรรมและการทำงานร่วมกัน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา OPPO ได้ยื่นสิทธิบัตรมากกว่า 5,000 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ AI ซึ่งประมาณ 70% เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพ AI โดยเฉพาะ ตั้งแต่ปี 2020 OPPO ได้บุกเบิกการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของตัวเอง และได้ใช้งานโมเดลการมองเห็นขนาดใหญ่และเทคโนโลยีต่อเนื่องหลายรูปแบบ ที่สำคัญกว่านั้น OPPO คือบริษัทสมาร์ตโฟนรายแรกที่ปรับใช้ LLM พร้อมพารามิเตอร์ 7 พันล้านพารามิเตอร์บนอุปกรณ์โดยตรง ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI OPPO ได้เปิดตัวความสามารถ AI ที่สร้างมากกว่า 100 รายการบนโทรศัพท์ในปีนี้
นอกเหนือจากนวัตกรรมของบริษัทแล้ว OPPO ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ AI Phone ที่ดีขึ้น โดยอิงตามสถาปัตยกรรม AI แบบไฮบริดบนอุปกรณ์และบนคลาวด์ ในความร่วมมือกับ Google Reno12 Series ของ OPPO และ Find X Flagship รุ่นถัดไปจะมาพร้อม LLM ตระกูล Google Gemini ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ OPPO มีฟีเจอร์ AI ที่ล้ำสมัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เช่น กล่องเครื่องมือ AI รวมถึงฟีเจอร์ AI Writer และ AI Recording Summary ในความร่วมมือกับ MediaTek ทั้งสองฝ่ายกำลังปรับแต่งชิปเพื่อพัฒนาการจัดเก็บชิปและประสิทธิภาพการคำนวณในรุ่นแฟลกชิปของ OPPO ในอนาคต และด้วยความร่วมมือกับ Microsoft โทรศัพท์ OPPO รุ่นต่อไปจะมาพร้อมกับความสามารถของ Microsoft เพื่อมอบประสบการณ์การแปลงเสียงและข้อความที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่าง AI เดสก์ท็อปและโทรศัพท์
ในการอภิปรายแบบกลุ่ม OPPO ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรงอย่าง Susara van den Heever, Director of AI, Customer Engineering EMEA at Google Cloud, Philipp Ennen, Principal Research Manager of MediaTek และ Francisco Jeronimo, Vice President, Devices EMEA at IDC เพื่อร่วมสำรวจวิธีการใช้งาน AI Phone ที่จะช่วยให้ผู้คนได้รับประโยชน์จาก AI มากขึ้น
เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ด้วยประสบการณ์ AI Phone ที่ปฏิวัติวงการ
OPPO ได้รวมฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมมากมายไว้ใน AI Phone เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการผสมผสานระหว่าง LLM และเทคโนโลยี เช่น การถอดเสียงที่รวดเร็ว ผู้ใช้สามารถประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติมและเพลิดเพลินกับการแปลแบบเรียลไทม์ ในขณะที่การทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์ระหว่าง AI เดสก์ท็อปและโทรศัพท์ได้นำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มเติม
ในด้านความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขภาพและการสร้างสรรค์ส่วนบุคคลได้รับการปฏิวัติผ่านเทคโนโลยีการสร้างรูปแบบและการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ OPPO AI Eraser ช่วยให้ผู้ใช้ลบวัตถุที่ไม่ต้องการได้อย่างราบรื่น และเติมพื้นหลังที่หายไปได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีการใช้งานเฉลี่ย 15 ครั้งต่อวัน ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีต่อเนื่องหลายรูปแบบช่วยให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาภาพและข้อความที่สร้างสรรค์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมองไปข้างหน้า การเปลี่ยนจากสมาร์ตโฟนมาเป็น AI Phone จะเป็นวิวัฒนาการระยะยาวที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์มือถืออย่างต่อเนื่อง “เราเชื่อว่าระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจะถูกฝังอยู่กับ AI Agent และรองรับการโต้ตอบหลายรูปแบบ ขณะเดียวกันบริการของบุคคลที่สามก็จะได้รับมอบในรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเต็มรูปแบบและการปรับโครงสร้างระบบนิเวศของโทรศัพท์ AI” Nicole Zhang, General Manager of AI Product at OPPO กล่าว
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง AI Phone ได้ OPPO จะยังคงพัฒนาประสบการณ์โทรศัพท์ AI ที่ดีที่สุดต่อไปผ่านนวัตกรรมและความร่วมมือของตนเอง ในขณะที่ยินดีต้อนรับการมาถึงของยุคของ AI Phone ใหม่