จากรายงานล่าสุดพบว่าหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทยถูกโจมตีมากถึง 1,892 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยมีหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานด้านการทหารเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกโจมตีเป็นหลัก
บริษัท เช็ค พอยท์(R) ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด (NASDAQ: CHKP) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก เปิดเผยว่า องค์กรในประเทศไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 1,892 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม – ธันวาคม 2566) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ระดับ 1,040 ครั้ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้มาจาก Threat Intelligence Report ล่าสุดของบริษัท เช็ค พอยท์ ซึ่งในรายงานได้พบว่า มัลแวร์แบบคริปโตไมเนอร์ (Cryptominer) และ บอตเน็ต (Botnet) เป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) การหลอกลวงรูปแบบต่างๆ และการปล้นทรัพยากร (Resource Hijacking)
นอกจากนี้ยังพบว่าการโจมตีเกิดขึ้นสูงสุดกับหน่วยงานภาครัฐ/ทหาร อุตสาหกรรมการผลิต และการเงิน/การธนาคาร ซึ่งมีการโจมตีมากถึง 5,789 ครั้งในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความถี่ของการโจมตีและลักษณะที่เปราะบางของอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยการโจมตีเหล่านี้อาจมุ่งเน้นไปที่การขโมยข้อมูลสำคัญ การรบกวนการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (CII) การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของ IoT รวมถึงการหลอกดูดเงินเป็นจำนวนมหาศาล และอื่นๆ อีกมากมาย
“องค์กรต่างๆ ในประเทศไทย กำลังเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างมากในขณะนี้ โดยการโจมตีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความซับซ้อนเพิ่มมากขี้น อีกทั้งปริมาณการโจมตีกำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี” คุณชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวและกล่าวต่ออีกว่า “องค์กรต่างๆ จะต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังจะเกิดขี้น องค์กรต่างๆ จะต้องมีแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างครอบคลุมเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย”
ทั้งนี้ ภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปทั่วโลกอีกด้วย จากรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ล่าสุดของบริษัท เช็คพอยท์ พบว่า 1 ใน 10 องค์กรทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 33% จากปี 2565 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด และเช่นเดียวกับรูปแบบการบริโภคดิจิทัล การโจมตีทางไซเบอร์ก็ได้พัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยองค์กรต่างๆ ต่างก็พยายามหาทางต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงในสนามรบดิจิทัลดังกล่าว นอกจากนี้ การโจมตีที่เกิดขึ้นได้มีการขยายตัวโดยอาศัยช่องโหว่ Zero-day, ความไม่แน่นอนของภูมิศาสตร์การเมืองในปัจจุบัน และการนำเทคโนโลยี AI มาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับการโจมดีทางไซเบอร์อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่องค์กรต่างๆ จะสามารถรับมือกับกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ผู้โจมตีทางไซเบอร์กำลังเดินหน้าพัฒนาและนำออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อต่อสู้และรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว บรรดาองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่สามารถป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ทันสมัยดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับปี 2567 ในรูปของแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แท้จริงซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และคลาวด์ เพื่อป้องกันระบบศูนย์ข้อมูล ระบบเครื่อข่าย ระบบคลาวด์ อุปกรณ์ปลายทาง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และ IoT ได้อย่างครอบคลุม แนวทางการพัฒนาของบริษัท เช็ค พอยท์ อยู่ภายใต้ “หลักการ 3C เพื่อการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด” อันได้แก่ ความครอบคลุมรอบด้าน (Comprehensive coverage) สถาปัตยกรรมแบบรวมศูนย์ (Consolidated architecture) และการใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ที่แท้จริง เพื่อนำเสนอโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามที่ดีที่สุดเพื่อหยุดการโจมตีที่เกิดจากการผสมผสานหลายเทคนิคเข้าด้วยกัน (Multi-vector Attack) ได้อย่างเห็นผล
ทั้งนี้ บริษัท เช็คพอยท์ ขอแนะนำโซลูชันที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาใหม่ของบริษัท ได้แก่
- -แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และพร้อมให้บริการผ่านระบบคลาวด์: โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี Generative AI ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ของบริษัท เช็ค พอยท์ ภายใต้ชื่อ Check Point Infinity AI Copilot พร้อมเข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้กับทีมรักษาความปลอดภัยที่ทรงพลังขององค์กรโดยเฉพาะ โซลูชันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรักษาความปลอดภัยได้ในรูปแบบอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยี AI นอกจากนี้ยังเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ ThreatCloudAI ของบริษัท เช็คพอยท์ พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มากกว่า 50 รายการ โดยเป็นการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติและการทำงานร่วมกันอย่างอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ช่วยให้องค์กรลดเวลาที่ต้องใช้ไปกับงานด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการสร้างนโยบาย การนำไปใช้ และการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนานโยบายความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุดและการควบคุมการป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งโซลูชันนี้สามารถป้องกันการโจมตีที่ไม่รู้จักได้ถึง 99.8% ทำให้เป็นแพลตฟอร์มการจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ AI Copilot ยังสามารถฝึกอบรมผู้ใช้ให้สามารถป้องกันเทคนิคล่าสุดของแฮ็กเกอร์ รวมถึงฟิชชิ่งและแรนซัมแวร์ ตลอดจนสามารถจัดการความเสี่ยงและตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการค้นหาภัยคุกคาม การวิเคราะห์ และการแก้ไข
- Check Point Quantum Spark 1900 และ 2000 ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มไฟร์วอลล์เจเนอเรชันถัดไปสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMB) เกตเวย์ความปลอดภัยขั้นสูงเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้ององค์กรธุรกิจขนากกลางและเล็ก (SMB) จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เกตเวย์การรักษาความปลอดภัย Quantum Spark โฉมใหม่นำเสนอการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายประสิทธิภาพสูงในวงกว้าง พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการแบบพร้อมใช้โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ (Zero-Touch) ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดการระบบคลาวด์ขั้นสูงและความสามารถในการจัดการภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ จึงเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางเป็นพิเศษ
- Business Partner Program ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีแนวทางที่สอดคล้องกับแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมของบริษัท เช็ค พอยท์ โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI แบบครอบคลุมทั้งระบบและพร้อมให้บริการผ่านระบบคลาวด์โดยตรง โปรแกรมนี้จะช่วยให้พันธมิตรทางธุรกิจสามารถดำเนินการเพิ่มยอดขายพ่วงและยอดขายต่อยอดสำหรับโซลูชันความปลอดภัยขั้นสูงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมของบริษัท เช็คพอยท์ ซึ่งรวมถึงการโจมตีหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ อาทิเช่น SASE, ความปลอดภัยด้านอีเมล, สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์, เครือข่าย SD-WAN และความปลอดภัยบนมือถือ
คุณชาญวิทย์ กล่าวเสริมว่า “การทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วทั้งธุรกิจ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากผู้จำหน่ายรายอื่นๆ จะมอบแนวทางการป้องกัน ภัยคุกคามที่ดีที่สุดและเป็นวิธีเดียวที่จะช่วงชิงความได้เปรียบเหนือผู้โจมตี ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และระบบคลาวด์โฉมใหม่ของบริษัท เช็ค พอยท์ รวมถึงข้อเสนอเพิ่มเติมต่างๆ ได้ผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยองค์กรของตนได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งสามารถปกป้องทรัพย์สินขององค์กรจากภัยคุกคามที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลาได้ในปัจจุบัน”
ติดตามบริษัท เช็ค พอยท์ ได้ทาง:
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/check-point-software-technologies
X: https://www.twitter.com/checkpointsw
Facebook: https://www.facebook.com/checkpointsoftware
Blog: https://blog.checkpoint.com
YouTube: https://www.youtube.com/user/CPGlobal