บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) เปิดตัวพัฒนาการขั้นถัดไปของ VMware Cloud เสริมศักยภาพให้กับลูกค้าด้วยเอดิชั่นและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยปรับปรุงระบบให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพ และปกป้ององค์กรได้ดียิ่งขึ้น VMware Cloud จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ฉับไว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับการป้องกันภัยคุกคาม และกู้คืนระบบจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
กริช ปราสาท รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “VMware Cloud สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงระบบให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพ และปกป้องธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ความก้าวหน้าล่าสุดของ VMware Cloud จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมกับนำเสนอโมเดลการจัดการระบบคลาวด์เดี่ยวซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาและยกระดับการรักษาความปลอดภัย”
VMware Cloud มอบความยืดหยุ่น รองรับการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ทุกรูปแบบ
VMware Cloud ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ VMware Cloud Foundation และบริการ VMware Cloud Services โดย Cloud Foundation เป็นการผสานรวมนวัตกรรมที่ดีที่สุดจากซอฟต์แวร์ทั้งแบบติดตั้งภายในองค์กรและที่ให้บริการซอฟต์แวร์บนพับบลิกคลาวด์ของวีเอ็มแวร์บนรูปแบบผสมผสานแบบ Unified เพื่อส่งมอบสภาพแวดล้อมที่มีความสอดคล้องกัน เหมือนกัน ครอบคลุมทั้งระบบที่ติดตั้งภายในองค์กร, ระบบคลาวด์ที่เป็นไฮเปอร์สเกลเลอร์ และสภาพแวดล้อมคลาวด์ของพันธมิตรของวีเอ็มแวร์ บริการ VMware Cloud ช่วยลดความยุ่งยากในการปรับใช้และการจัดการสภาพแวดล้อม VMware Cloud Foundation บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือสภาพแวดล้อมภายในองค์กร ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากบริการ VMware Cloud เพื่อรันเวิร์กโหลดขององค์กรได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นตามขนาดที่ต้องการ ด้วยการปกป้องข้อมูลขั้นสูง การกู้คืนระบบบนคลาวด์ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติหรือการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ รวมไปถึงระบบเครือข่ายมัลติคลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีบริการขั้นสูงสำหรับนักพัฒนา, Kubernetes ที่ติดตั้งมาแล้วในตัว และการเข้าถึงที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการเข้าถึบริการคลาวด์แบบเนทีฟหลายร้อยบริการจากผู้ให้บริการระดับไฮเปอร์สเกลเลอร์ชั้นนำ เสมือนอยู่ศูนย์ข้อมูลเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะรองรับการปรับปรุงแอปให้ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
VMware Cloud พร้อมให้บริการแล้ว 5 เวอร์ชั่น (Essentials, Standard, Pro, Advanced, Enterprise) โดยจะช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดการให้ทันสมัยได้อย่างยืดหยุ่นในทุกขั้นตอนของการปรับเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มคลาวด์ ลูกค้าสามารถติดตั้งและจัดการสภาพแวดล้อม VMware Cloud ได้ 3 วิธี:
จัดการโดยลูกค้า (ลูกค้าดูแลเองทั้งหมด) – ลูกค้าติดตั้งซอร์ฟแวร์ VMware Cloud ในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองหรือของพาร์ทเนอร์ที่ให้บริการโคโลเคชั่น โดยที่ลูกค้าสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเต็มรูปแบบ
จัดการโดยวีเอ็มแวร์ (วีเอ็มแวร์เป็นผู้ดูแลให้)- VMware Cloud บน AWS คือบริการคลาวด์ที่จัดการโดยวีเอ็มแวร์ พร้อมด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบครบวงจร VMware Cloud on Equinix Metal เป็นบริการคลาวด์แบบกระจายที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในรูปแบบของบริการที่แยกออกจากกันเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด
จัดการโดยผู้ให้บริการ (ผู้ให้บริการคลาด์เป็นผู้ดูแลให้) – บริการใหม่ VMware Cross-Cloud Managed Services ซึ่งใช้ VMware Cloud โดยเป็นบริการจากพาร์ทเนอร์ เช่น IBM Cloud ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบ (TCO) สำหรับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงด้วยความสามารถในการตรวจสอบอย่างทั่วถึง ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง และการเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งยังเพิ่มความรวดเร็วในการโยกย้ายระบบคลาวด์
NSX+: บริการเครือข่ายมัลติคลาวด์ การรักษาความปลอดภัย และบริการนักพัฒนาสำหรับ VMware Cloud
วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำด้าน SDN สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ โดยครองส่วนแบ่งตลาด 70% ในปี 25651 และ VMware NSX ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ได้มากกว่า 60% จากบริการอัตโนมัติและการจัดการระบบฮาร์ดแวร์ที่ลดลง และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 66% สำหรับการดำเนินงาน การดูแลหลังจากติดตั้ง (Day 0-22) ) ส่วน VMware NSX+ ที่เปิดตัวในวันนี้คือบริการจัดการคลาวด์ใหม่ล่าสุดของ NSX สำหรับสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ (เดิมคือ Project NorthStar ที่ประกาศไปเมื่อปีก่อน) บริการนี้จะยกระดับความสามารถด้านเครือข่ายหลักและการรักษาความปลอดภัยสำหรับ VMware Cloud ด้วยโมเดลการบริหารจัดการแบบซิงเกิลคลาวด์ที่ช่วย ลดจำนวน Tickets ให้เป็นศูนย์, ลดการใช้งานอุปกรณ์ที่ต้องการการปรับแต่ง หรือ Load Balance ในรูปแบบที่เป็นฮาร์ดแวร์แอพไพรแอนซ์ และด้วยแนวทาง Zero Trust ทำให้ VMware NSX+ สามารถสร้างมาตรฐานสำหรับระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยครอบคลุมทั่วทุกสภาพแวดล้อม โดย VMware Cloud NSX+ จะมอบการดำเนินงานเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกัน มีความคล้ายคลึงกัน การสร้างและการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ การตรวจสอบเครือข่ายและแอปพลิเคชั่นอย่างทั่วถึง และการป้องกันเชิงลึกด้วยบริการตรวจจับและตอบสนองบนเครือข่าย (NDR) ความสามารถของ NSX+ นำเสนอในรูปแบบ SaaS ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง และได้รับการจัดการจากส่วนกลางบนคอนโซลระบบคลาวด์เดี่ยว
นอกจากนั้น วีเอ็มแวร์ยังได้เปิดตัว NSX+ Virtual Private Cloud (VPC) โดย NSX+ VPC รองรับการแยกเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการออกจากกันอย่างสมบูรณ์สำหรับผู้เช่าหลายรายบนโครงสร้างพื้นฐาน VMware Cloud ที่ใช้งานร่วมกัน ซึ่งถูกจัดการโดยอินเทอร์เฟซ NSX ส่วนกลางเพียงหนึ่งเดียว นักพัฒนาและทีมงานฝ่ายแอปพลิเคชั่นสามารถเลือกใช้ระบบคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอปพลิเคชั่นของตน และขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากการบริการตนเองและความคล่องตัวของ NSX+ VPC โดยครอบคลุมทุกระบบคลาวด์ ส่วนทีมงานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานยังคงมีอำนาจในการควบคุมดูแล กำหนดแนวทางการดำเนินงานสำหรับแต่ละ VPC และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในสภาพแวดล้อม VPC จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เช่ารายอื่น และ NSX+ VPC ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพด้านไอที เพราะทีมงานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานจะสามารถใช้โมเดลการทำงานที่สอดคล้องกันบนระบบคลาวด์ต่างๆด้วย
เพิ่มขนาดและประสิทธิภาพของสตอเรจด้วย TCO ที่ต่ำกว่าใน VMware Cloud
ทุกวันนี้ องค์กรต่าง ๆ ใช้เวิร์กโหลดของระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงและ AI เพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการต่าง ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ เวิร์กโหลดเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลจึงต้องขยายขนาดความจุเป็นเพทาไบต์ได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและการปกป้อง ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา (TCO) และวันนี้ วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวสตอเรจที่ปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ายิ่งขึ้นสำหรับ VMware Cloud ด้วย VMware vSAN Max โซลูชั่นใหม่ในตระกูล vSAN ที่จะส่งมอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนขนาดเพทาไบต์ ด้วยการเปิดตัวครั้งนี้ โซลูชั่นสตอเรจของวีเอ็มแวร์จะให้ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับโซลูชั่นสตอเรจแบบเดิม พร้อมประสิทธิภาพ ความจุ การปกป้องที่เหนือชั้น และ TCO ที่ต่ำลง เหมาะสำหรับแอปพลิเคชั่นที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงสุดในปัจจุบัน vSAN Max จะปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างยืดหยุ่นและเป็นอิสระจากระบบประมวลผล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีความจุสูงสุด 8.6 เพทาไบต์ และสามารถให้ประสิธิภาพมากถึง 3.6 ล้าน IOPS ต่อคลัสเตอร์ ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ทนต่อความผิดพลาดของระบบศูนย์ข้อมูล ควมผิดพลาดของระบบเครื่องแม่ข่าย โฮส หรอแม้แต่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Stretch Cluster เนื่องจาก vSAN Max สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม vSAN Express Storage Architecture จึงได้รับการออกแบบให้สามารถฟื้นฟูความเสียหายของอุปกรณ์ที่แยกต่างหากได้เร็วขึ้นถึง 92%3 นอกจากนี้ยังลด TCO ได้ถึง 30% สำหรับฐานข้อมูลที่สำคัญต่อการดำเนินงาน ด้วยการผนวกรวมฮาร์ดแวร์และไลเซนส์เข้าด้วยกัน4 โซลูชั่น vSAN Max ใหม่ล่าสุดนี้จะได้รับไลเซนส์แยกต่างหากจาก vSAN รุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ โดยจะนำเสนอในรูปแบบของการสมัครใช้งาน (subscription) และมีแผนจะให้ไลเซนส์ต่อหน่วยเทบิไบต์ (tebibyte)
VMware Cloud ช่วยให้สามารถกู้คืนระบบได้เร็วขึ้นจากการโจมตีของแรนซัมแวร์
การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้เทคนิคแบบไฟล์เลส (fileless) ซึ่งไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยการสแกนข้อมูลสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน จึงนับเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อองค์กร VMware Ransomware Recovery เป็นบริการ VMware Cloud ที่การันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย ทำหน้าที่กู้คืนจากการโจมตีแบที่ไม่จำเป็นต้องมีไฟล์ ให้โจมตี (fileless) โดยใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมของ VM ที่เปิดใช้งานในสภาพแวดล้อมการกู้คืนที่ถูกแยกเอาไว้ทดสอบ (Isolated Recovery Environment – IRE) บนคลาวด์ VMware Ransomware Recovery สามารถแก้ไขปัญหาการหยุดทำงานของระบบโดยที่ไม่ได้วางแผนหรือคาดการร์ไว้ได้เร็วกว่าถึง 75%5 นอกจากนี้ เพื่อลดเวลาหยุดทำงานของระบบ VMware Ransomware Recovery ยังได้เพิ่มการดำเนินการกู้คืน VM หลายๆตัวสำหรับหลายๆระบบพร้อมกัน (พร้อมใช้งานแล้ววันนี้) และจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรันเวิร์กโหลดในโปรดักชั่นที่ใช้งานจริงในระบบคลาวด์ได้จนกว่าการตรวจสอบ (Forensics) จะเสร็จสมบูรณ์ และดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมใช้งาน (คาดว่าจะพร้อมใช้งานในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2567) ยิ่งไปกว่านั้น วีเอ็มแวร์ยังเผยตัวอย่างเทคโนโลยีสตอเรจที่มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะผสานรวมเวิร์กโฟลว์การกู้คืนระบบเข้ากับ vSAN Snapshot แบบเนทีฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล และ VMware Ransomware Recovery ยังขยายการรองรับบริการ VMware Cloud เพื่อรวมการป้องกันเวิร์กโหลดใน Google Cloud VMware Engine (พร้อมใช้งานแล้ววันนี้)
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ VMware Cloud
ในฐานะส่วนหนึ่งของนวัตกรรมสำคัญที่ VMware Cloud มอบให้ วีเอ็มแวร์ได้ประกาศความพร้อมใช้งานล่วงหน้าของบริการการจัดการวงจรการใช้งาน ESXi บนระบบคลาวด์ใน VMware vSphere+ ผู้ดูแลระบบไอทีจะสามารถจัดการการอัปเกรดจากส่วนกลาง โดยครอบคลุม ESXi ทั้งหมดในสภาพแวดล้อม multi-vCenter ที่ทำงานจากหลายสภาพแวดล้อม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความยุ่งยากในการดูแลระบบที่กระจายอยู่ในที่ต่างๆ และสามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยการดำเนินการเพียงไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้อาจต้องใช้การดำเนินการหลายร้อยหรือหลายพันขั้นตอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีขนาดใหญ่มาก เทคโนโลยีนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก และช่วยลดความยุ่งยากในการวางแผนการอัปเกรดและการติดตั้งใช้งาน ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเวอร์ชั่นล่าสุด ความสามารถใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น และยังสามารถได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เปี่ยมประสิทธิภาพของ VMware Cloud อัปเดตเพิ่มเติมสำหรับ vSphere ในรีลีสที่กำลังจะมาถึงจะประกอบด้วยความสามารถของ GPU ที่เพิ่มขึ้นสองเท่าต่อ VM เพื่อรองรับเวิร์กโหลด AI/ML ที่ซับซ้อนมากขึ้น รองรับโหลดบาลานซิ่งที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจากการลงทุนใน GPU และยังมีเครื่องมือบริการตนเองที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่วิศวกรและนักพัฒนา DevOps ในการสร้างและใช้งานโมเดิร์นแอปพลิเคชั่นได้
ที่มา: พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง