ระบบปฏิบัติการ Risk intelligence ภายใต้ความร่วมมือระหว่างทรูมันนี่ และ ชิลด์ จะช่วยเพิ่มระดับการปกป้องผู้ใช้งานจากความเสี่ยงจากการฉ้อโกงทางดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AI
ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์และผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศนำ ‘ระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย ภายใต้ความร่วมมือกับ ชิลด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก โดยโซลูชันดังกล่าวจะช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับอุปกรณ์และเครือข่ายด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการปกป้องแพลตฟอร์มของทรูมันนี่ไม่ให้เกิดการฉ้อโกงทางดิจิทัลแบบเรียลไทม์
นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ได้เลือกเทคโนโลยีในระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะของชิลด์ที่ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งใช้การประมวลผลข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ รวมไปถึงการประสานความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และโซลูชันของชิลด์ ทำให้เราสามารถยกระดับการให้บริการไปอีกขั้น จากการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของทั้งองค์กร แพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันทรูมันนี่เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงสุดจากผู้ใช้”
ทั้งนี้ ‘ระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) ที่ ทรูมันนี่ นำมาใช้ ประกอบด้วยระบบและฟังก์ชันต่างๆ ที่โดดเด่น อาทิ
- AI-Based Risk Intelligence platform – แพลตฟอร์มความปลอดภัยอัจฉริยะ ที่ประสานการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมเพื่อระบุพฤติกรรมที่เป็นอันตรายแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบตรวจจับหาความเสี่ยงและต้องสงสัยที่อาจมีเพื่อให้เจ้าของบัญชีทำการยืนยันตัวตน หรือปฏิเสธการทำรายการธุรกรรมต้องสงสัยโดยอัตโนมัติ
- Authentication platform – การยืนยันตัวตนของผู้ใช้ พร้อมตรวจจับการยืนยันตัวตนต้องสงสัยแบบเรียลไทม์ พร้อมรองรับรูปแบบการยืนยันตัวตนหลากหลายขั้นตอน อาทิ การใส่รหัสผ่าน, รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) และการจดจำใบหน้า
- Device fingerprinting – การจดจำเครื่องมือ อุปกรณ์การใช้งาน เช่น โทรศัพท์มือถือ (mobile device) ที่ใช้งาน พร้อมเพิ่มความปลอดภัยผ่านการยืนยันอัตลักษณ์ หากมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์หรือระบบของอุปกรณ์ในการเข้าถึงบัญชี
- Biometric KYC – ฟีเจอร์การให้ลูกค้ายืนยันอัตลักษณ์ผ่านใบหน้าที่มีความรวดเร็วและแม่นยำสูง ช่วยปกป้องบัญชีและมอบความมั่นใจในการทำธุรกรรมให้กับผู้ใช้
- Fraud monitoring system – ช่วยให้ทีมงานทรูมันนี่สามารถจัดการความเสี่ยงที่อาจมี โดยยังคงมอบความสะดวกในการทำธุรกรรมที่ลื่นไหลไม่สะดุดแก่ผู้ใช้
นายเจค ออย หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ชิลด์ เอ ไอ เทคโนโลจีส์ จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทรูมันนี่ไว้วางใจให้ชิลด์ได้นำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมและการป้องกันการทุจริตทางดิจิทัล ซึ่งโซลูชันแบบ Trust-as-a-Service ของบริษัทสามารถสร้างความเชื่อมั่นอย่างสูงให้แก่ลูกค้าทรูมันนี่ และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและน่าพึงพอใจอีกด้วย”
“ในปัจจุบัน ผู้ทำธุรกรรมทางการเงินแบบดิจิทัลผ่านอีวอลเล็ทมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแบบก้าวกระโดด ในฐานะผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์และผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำ เราพร้อมตอบรับสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังในเรื่องการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว ลื่นไหล ไม่สะดุด และไม่หยุดยั้งในการเฟ้นหาเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมาใช้ เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา” นายอธิปัตย์ กล่าวสรุป
ที่มา: เวเบอร์ แชนด์วิค