เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด (TCCtech) ได้ร่วมมือกับ บริษัท ทีสเปซ ดิจิตอล จำกัด (TSPACE) และ บริษัท เอสทีที จีดีซี (ประเทศไทย) จำกัด (STT GDC) พร้อมทั้งพันธมิตรทางเทคโนโลยีจาก 7 บริษัทชั้นนำระดับโลกจัดแสดงโซน “TECH GROUP ECOSYSTEM” ด้านเทคโนโลยีโซลูชั่น ภายในงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน (Sustainability Expo – SX 2022) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในวันนี้ OPEN-TEC ศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP ได้หยิบยกมุมมองและประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีโซลูชั่นด้านความยั่งยืนจากตัวแทนพันธมิตรทั้ง 7 บริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ บริษัท เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย (Accenture), บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (Dell Technologies), บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei), บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (Microsoft), บริษัท เซลส์ฟอร์ส.คอม (ไทยแลนด์) จำกัด (Salesforce), บริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) จำกัด (SAP) และ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ภายใต้ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด (Tencent Cloud) มาแบ่งปัน ดังนี้
บริษัท เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย (Accenture)
“The Nth Floor” เทคโนโลยีโซลูชั่นที่เอคเซนเชอร์ได้นำมาจัดแสดงภายใน SX2022 เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริง (Metaverse) ผ่านโมเดลจำลองเสมือน (Digital Twin) ส่งผลให้สามารถจำลองการทำงานหรือสถานการณ์ต่างๆได้เหมือนจริงโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ เมื่ออัตราการเดินทางลดลงจะล้วนส่งผลให้อัตราการผลิตก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศน้อยลงตามลำดับ นอกจากนั้น ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ของผู้คนในพื้นที่ห่างไกลได้ ยกตัวอย่างเช่น งานประชุมในต่างประเทศ โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล การนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนสัมผัสถึงประสบการณ์จริงและเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น มากไปกว่านั้น เทคโนโลยีโซลูชั่นนี้ยังสามารถช่วยพัฒนาสังคมให้เกิดความเท่าเทียมเช่นกัน กล่าวคือเมื่อผู้ใช้งานเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงนั้น ทุกคนจะมีอิสระในการแสดงออก โดยปราศจากการตัดสินด้านเพศภาพ สีผิว เชื้อชาติ หรือการศึกษา เป็นต้น จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น Mr. Jurgen Coppens, Managing Director, Sustainability Lead, Southeast Asia, Accenture ได้ฝากแนวคิดไว้ว่า จากผลสำรวจ CEO Survey ที่ได้ทำร่วมกับ UNGC (United Nations Global Compact) ผู้บริหาร C Level ล้วนมีมุมมองที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับการตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยมีการนำมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์และนโยบายขององค์กร
บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (Dell Technologies)
“Dell PowerScale” หนึ่งในเทคโนโลยีโซลูชั่นที่เดลล์ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน SX2022 เป็นระบบซอฟต์แวร์สำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบไร้โครงสร้าง (Unstructured data) นอกจากนี้ยังมี “Data Protection and Backup Solutions” เทคโนโลยีโซลูชั่นสำหรับการจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยและสามารถสำรองข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง และเทคโนโลยีอันดับสุดท้ายมีชื่อเรียกว่า “Sustainable devices & Infrastructure” อุปกรณ์และแพคเกจจิ้งที่มีขั้นตอนการผลิตโดยการนำอุปกรณ์เดิมที่ไม่ต้องการใช้มาผลิตซ้ำ รวมไปถึงขยะจากทะเล อาทิเช่น หลอดหรือขวดพลาสติก เป็นต้น มาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตสินค้านั้น ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น คุณอโณทัย เวทยากร, Vice President, Asia Emerging Markets and South Asia Consumer Business, Dell Technologies ได้แบ่งปันมุมมองไว้ว่า เทคโนโลยีได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้มีอัตราการผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกันนั้น การกำจัดสินค้าหลังการใช้งานเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญและตระหนักถึงเช่นกัน
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei)
“Huawei FusionSolar Smart PV Solutions” เทคโนโลยีโซลูชั่นที่ผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์แบบครบวงจร และนำมาผสานรวมกับระบบ AI อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการทำงานที่ผิดพลาดจากระบบโซลาร์ได้ เช่น อาร์ค (Arc) เป็นต้น เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ระบบจะสามารถตรวจจับการทำงานที่ผิดปกติและสั่งหยุดการทำงานทั้งหมดของอินเวอร์เตอร์ได้ภายใน 0.5 วินาที เพื่อป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้าไหลขึ้นในระบบ อีกทั้งยังสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่คงเหลือจากช่วงกลางวันไว้ใช้ภายหลังได้ด้วยระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น F.E. (Edwin) Diender, Chief Innovation Officer, Global Electric Power Digitalization Business Unit, Huawei Technologies Co., Ltd. ได้แบ่งปันมุมมองไว้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัลนั้นเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดเกี่ยวกับ Sustainability เนื่องจากความสามารถในการคำนวณ วิเคราะห์ และแสดงผลของข้อมูลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการป้องกันและพัฒนาทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในหลากหลายภาคส่วนอาทิเช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษา และภาคการแพทย์ เป็นต้น
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (Microsoft)
“Microsoft Hololens” เทคโนโลยีโซลูชั่นที่ไมโครซอฟท์ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน SX2022 เป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริงและโลกดิจิทัล (Mixed reality) เมื่อผู้ใช้งานสวมใส่อุปกรณ์นี้จะสามารถจับต้องและเคลื่อนย้ายวัตถุที่ต้องการผ่านภาพ 3D เสมือนจริง ยกตัวอย่างเช่น ในส่วนของภาคการศึกษา ผู้เรียนและผู้สอนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ในรูปแบบ 3D ผ่าน Hololens ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ในการเรียนการสอน หรือทางด้านการแพทย์ที่ Hololens สามารถดึงข้อมูลของผู้ป่วยออกมาในรูปแบบ 3D เพื่อช่วยให้แพทย์ทำการรักษาได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นต้น นอกจากนั้น ภายในงานไมโครซอฟท์ได้นำเสนอ “Dynamics 365 Remote Assist” เพิ่มเติม ซึ่งสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานแบบไฮบริดในยุคปัจจุบัน (Hybrid working) โดยการแบ่งปันมุมมองแบบเรียลไทม์กับผู้เชี่ยวชาญจากระยะไกลเพื่อรับความช่วยเหลือที่ต้องการ จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น คุณวิสสุต เมธีสุวกุล, CMO Lead, Microsoft (Thailand) Ltd. ได้แบ่งปันมุมมองไว้ว่า Sustainability เป็นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหานี้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดต้นทุนด้านเวลา
บริษัท เซลส์ฟอร์ส.คอม (ไทยแลนด์) จำกัด (Salesforce)
“Salesforce Net Zero Cloud” หนึ่งในเทคโนโลยีโซลูชั่นที่เซลส์ฟอร์สได้นำมาจัดแสดงภายในงาน SX2022 โดยเทคโนโลยีโซลูชั่นนี้มีส่วนช่วยให้สามารถตรวจจับและวัดปริมาณค่าคาร์บอนภายในองค์กรหรืออุตสาหกรรมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการวัดค่าปริมาณนั้นจะถูกอัพโหลดขึ้นผ่าน Cloud เพื่อแสดงผลลัพธ์และง่ายต่อการตรวจสอบ นอกจากนี้ “SLACK by Salesforce solution” ยังได้ถูกนำมาจัดแสดงภายในงานเช่นกัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามามีส่วนช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในด้านการแพทย์ โดยทำงานร่วมกับ Tele home Health Solution ซึ่งผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นผ่านอุปกรณ์ดังกล่าว และข้อมูลเบื้องต้นจะถูกอัพโหลดขึ้นผ่าน cloud เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์อาการเชิงลึกและพูดคุยผ่านวิดิโอคอลเพื่อแจ้งผลตรวจการรักษากับผู้ป่วย จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น คุณกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์, Area Vice President & Managing Director, Salesforce Thailand ได้แบ่งปันมุมมองไว้ว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน โดยองค์กรต่างๆสามารถเข้าร่วม Carbon Credit กิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ
บริษัท เอสเอพี (ประเทศไทย) จำกัด (SAP)
“SAP’s 3 Zeros Strategy” เทคโนโลยีโซลูชั่นที่เอสเอพีได้นำมาจัดแสดงภายในงาน SX2022 ประกอบไปด้วย Zero Emission (อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์), Zero Waste (อัตราการปล่อยของเสียเป็นศูนย์) และ Zero Inequality (อัตราความไม่เท่าเทียมเป็นศูนย์) โดยในส่วนของ Zero Emission นั้น ระบบซอฟต์แวร์จะตรวจวัดค่าปริมาณคาร์บอนและจัดเก็บข้อมูลภายในองค์กรได้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้แต่ละองค์กรสามารถประเมินและพัฒนาต่อยอดเป็นองค์กรที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในขณะที่ Zero Waste นั้น ระบบซอฟต์แวร์จะคำนวณกระบวนการผลิตทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิต Packaging ที่องค์กรสามารถ Reuse และ Recycle จากสิ่งที่มีอยู่แล้วได้ และ Zero Inequality เปรียบเสมือนพื้นที่ที่เปิดรับความคิดเห็นจากทุกคนในองค์กรโดยไม่ได้ระบุตัวตน เพศ หรือการศึกษา ซึ่งมีส่วนช่วยให้สามารถพัฒนาเป็นองค์กรที่มีความเท่าเทียม จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น Mr. David Coldrey, Sustainable Lead, SAP SEA ได้เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่มาทางบริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด จึงได้พัฒนา Holistic Steering & Reporting เพื่อแสดงรายงานจากการคำนวณข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ และช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจเพื่อใช้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาสู่ความยั่งยืนที่ตั้งไว้
เทนเซ็นต์ คลาวด์ ภายใต้ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด (Tencent Cloud)
“Tencent IoT platform” หนึ่งในเทคโนโลยีโซลูชั่นที่เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน SX2022 เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ภายในองค์กรเข้าด้วยกันเพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานและอัพโหลดขึ้นผ่าน Cloud อาทิเช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในองค์กร เป็นต้น ส่งผลให้องค์กรสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และพัฒนาเพื่อช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนั้นยังมี “Tencent Cloud Smart Video Analysis Platform (SVAP)” เทคโนโลยีโซลูชั่นที่มีการนำ AI มาทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถช่วยตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมในพื้นที่นั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น SVAP สามารถวิเคราะห์ปริมาณขยะที่อยู่ในแหล่งน้ำได้ว่ามีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งต่อและแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องผ่าน Cloud เพื่อทำการเก็บและดูแลบริเวณแหล่งน้ำดังกล่าว ส่งผลให้พื้นที่ในบริเวณนั้นสะอาดและน่าอยู่อาศัย เป็นต้น และ “Tencent Ray Data Virtualization Interactive System” ที่มีการนำข้อมูลจริง ณ เวลานั้นมาสร้างให้อยู่ในรูปแบบ 3D model ยกตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูลจาก 3D model เกี่ยวกับปริมาณไฟฟ้าที่ถูกใช้ในแต่ละชั้นขององค์กรว่ามีมากน้อยเพียงใด เพื่อช่วยควบคุมการใช้พลังงานภายในองค์กรได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ เป็นต้น จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น Mr. Chang Foo, Chief Operating Officer, Tencent Cloud under Tencent (Thailand) Co., Ltd. ได้แบ่งปันมุมมองไว้ว่า ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายขึ้น แต่ในทางกลับกันนั้นอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจุดมุ่งหมายในการร่วมกันปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)
จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่เนื้อหาบางส่วนที่ OPEN-TEC ได้รวบรวมไว้จากภายในงาน “Sustainability Expo 2022 – SX2022” ภายใต้แนวคิด “สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า” ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน),บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เท่านั้น หากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่ https://www.open-tec.com/open-tec/opentalk-ep29-digital-solutions-for-better-community/
ที่มา: มายด์ พีอาร์