ระหว่างการประชุม Ultra-Broadband Forum (UBBF) 2022 นายไซมอน หลิน รองประธานอาวุโสและประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เอเชียแปซิฟิก กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘สร้างการเติบโตด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อขั้นสูง’ โดยเผยกลยุทธ์การกำหนดแผนงานสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อผลักดันศักยภาพการสร้างคุณค่าสูงสุดด้านการเชื่อมต่อสำหรับที่อยู่อาศัยและองค์กร และเผยความสำคัญของเครือข่ายที่ประหยัดพลังงานในการผลักดันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เครือข่ายสำหรับบ้าน: ระบบที่อยู่อาศัยอัจฉริยะที่รองรับการเชื่อมต่อด้วยความเร็วระดับกิกะบิตเพิ่มรายได้ทางธุรกิจสำหรับบริการระบบการเชื่อมต่อในบ้านและที่อยู่อาศัย
การอัปเกรดเครือข่ายภายในบ้านและบริการใหม่ เช่น การไลฟ์สตรีมที่บ้านทำให้ความต้องการบริการด้วยความเร็วระดับกิกะบิตเพิ่มสูงขึ้น โดยบริการกิกะบิตบรอดแบนด์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและมอบประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลาย สร้างโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับเครือข่ายภายในบ้านและเพิ่มรายได้สำหรับผู้ให้บริการ นายไซมอน หลินเผยสามปัจจัยในการสร้างรายได้จากการเชื่อมต่อเครือข่ายในบ้านได้แก่:
- บริการ Gigabit to Home: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสงที่ขยายเครือข่ายด้วยความรวดเร็วเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวงจรธุรกิจเชิงบวกสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย เทคโนโลยีใยแก้วนำแสงสามารถลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายเปิดบริการเครือข่ายระดับกิกะบิตที่มีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) สูงขึ้น
- บริการ Gigabit to Room: โซลูชัน Fiber to the Room (FTTR) แบบออปติคัลทั้งหมดของหัวเว่ย จัดการกับความท้าทายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเชื่อมต่อด้วยความเร็วระดับกิกะบิตในแต่ละห้อง ในขณะที่อัตราความเร็วสูงสุดในปัจจุบันของบริการ Gigabit to Home มีเพียง 100 Mbps โซลูชันดังกล่าวยังรองรับการตั้งค่าเครือข่ายในบ้านจากระยะไกลและลดต้นทุนการบำรุงรักษาและการดำเนินงานลงกว่า 50% นอกจากนี้ประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายและการบริการที่ดีทำให้ยอดขายโซลูชันของผู้ให้บริการเครือข่ายสูงขึ้น
- บริการ Gigabit +: ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถผสานการใช้งานเครือข่ายความเร็วระดับกิกะบิตในบ้านเข้ากับบริการใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน เช่น การให้บริการบรอดแบนด์เฉพาะสถานการณ์ บริการอินเทอร์เน็ต และบริการอุปกรณ์ที่อยู่อาศัยอัจฉริยะส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) สูงขึ้น โดยปัจจุบัน ผู้ให้บริการเครือข่ายเริ่มปรับใช้กลยุทธ์ดังกล่าวและขยายบริการใหม่ด้วยเครือข่ายใยแก้วนำแสง ทำให้ศักยภาพการเติบโตในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด
เครือข่ายสำหรับองค์กร: การเชื่อมต่อที่เสริมศักยภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กรเพื่อสร้างรายได้จากระบบเครือข่ายส่วนบุคคลและเครือข่ายอัจฉริยะ
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมทำให้ความต้องการด้านการอัปเกรดเครือข่ายเพิ่มสูงขึ้น อุตสาหกรรมต่าง ๆ ล้วนมีความต้องการระบบเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงต้องจัดหาโซลูชันการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับองค์กรให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ในปัจจุบัน ความต้องการใช้งานบนระบบคลาวด์ของบริการเครือข่ายระดับองค์กรเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายขยายธุรกิจได้มากขึ้นอีกระดับ นายไซมอน หลินเผยว่า ผู้ให้บริการสามารถสร้างรายได้จากระบบเชื่อมต่อขององค์กรได้สามวิธี
- การอัปเกรดแบนด์วิดท์สำหรับระบบเครือข่ายส่วนบุคคล: ระบบเครือข่ายส่วนบุคคล (Private Line) สำหรับองค์กรเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและครอบคลุมทั้งเครือข่ายแคมปัสและศูนย์ข้อมูลองค์กร อัตราการรับส่งข้อมูลของโซลูชันเครือข่ายส่วนบุคคลอัปเกรดจาก Gbps เป็น 10 Gbps เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการเชื่อมต่อขั้นสูงทั้งในและนอกแคมปัสและศูนย์ข้อมูล
- โซลูชันสถานการณ์จำลอง: การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กรต้องการบริการเครือข่ายที่หลากหลาย ผู้ให้บริการสามารถเปิดบริการระบบเครือข่ายส่วนบุคคลเฉพาะสถานการณ์เพื่อเพิ่มรายได้ของธุรกิจ เช่น บริการระบบเครือข่ายส่วนบุคคลความเร็วสูงสำหรับอุตสาหกรรมสื่อ ระบบเครือข่ายส่วนบุคคลความหน่วงต่ำระดับมิลลิวินาที และบริการคลาวด์ที่เน้นความปลอดภัยสำหรับบริษัทหลักทรัพย์
- อัปเกรดจากระบบเครือข่ายส่วนบุคคล (Private Line) ด้วยบริการ Private Network: สาขาขององค์กรจำนวนมากต้องเข้าถึงระบบคลาวด์หลายระบบจึงจำเป็นต้องใช้ระบบเครือข่ายส่วนบุคคล N x N โดยผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถใช้เทคโนโลยี Multi-cloud Backbone และเทคโนโลยีการแบ่งส่วนเครือข่ายเพื่ออัปเกรดจากระบบเครือข่ายส่วนบุคคล (Private Line) เป็นบริการ Private Network เพื่อรองรับการใช้งานเครือข่ายสำหรับองค์กร โดยเครือข่ายกายภาพหนึ่งเครือข่ายสามารถรองรับเครือข่ายส่วนตัวเชิงตรรกะสำหรับหลายอุตสาหกรรม เพิ่มประสบการณ์ทางบวกของผู้ใช้บริการ เพิ่มมูลค่าสูงสุดของเครือข่าย และอำนวยความสะดวกในการใช้ระบบคลาวด์ขององค์กร เปิดความเป็นไปได้ใหม่สำหรับการเชื่อมต่อดิจิทัลขององค์กร
โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เครือข่ายออปติคัลทั้งหมดอัจฉริยะที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยผลักดันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
นายไซมอน หลิน กล่าวว่า หัวเว่ยต่อยอดความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อสนับสนุน International Telecommunication Union-Telecommunication Standardization Sector (ITU-T) ในด้านการกำหนดมาตรฐานและข้อกำหนดตัวบ่งชี้ความเข้มของพลังงานคาร์บอน (NCIe) ของเครือข่าย นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเปิดตัวโซลูชันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามระดับ ซึ่งประกอบด้วยการดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครือข่ายและไซต์ที่ประหยัดพลังงาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครือข่ายและบรรลุเป้าหมาย ‘บิตมากขึ้น วัตต์น้อยลง’
“จะมีแต่เพียงผู้ที่มีวิสัยทัศน์เท่านั้นที่จะช่วยปลดล็อคศักยภาพที่แท้จริงของบางสิ่งออกมาได้” นายไซมอน หลิน กล่าว โดยเน้นย้ำว่าผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความได้เปรียบด้านเครือข่ายการเชื่อมต่อและสามารถปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของเครือข่ายจะสร้างมูลค่าอย่างไร้ขีดจำกัดด้านการเชื่อมต่อ หัวเว่ยยังก้าวต่อไปด้านการคิดค้นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าและคู่ค้า และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อผลักดันศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ
ที่มา: คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์