ซัมซุงนำเทรนด์สมาร์ทโฟนจอพับได้ซึ่งกำลังพลิกโฉมตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก เทรนด์มาแรงที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ สร้างความมั่นใจระหว่างที่เขาเยือนประเทศอินโดนีเซียและกล่าวถึงความนิยมของสมาร์ทโฟนจอพับได้ในตลาดโลก และยังได้กล่าวถึงเทรนด์ต่างๆ ในตลาดสมาร์ทโฟน รวมถึงธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่กำหนดอนาคตอีกด้วย

เผยโฉมโอกาสที่มาพร้อมกับมือถือจอพับ
ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ตอกย้ำให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนจอพับสามารถเปลี่ยนโฉมธุรกิจสมาร์ทโฟนได้อย่างมาก ดังเช่นที่ Galaxy Note Series ได้ประสบความสำเร็จมาแล้ว และยังจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆ ให้แก่วงการสมาร์ทโฟนต่อไป

“สมาร์ทโฟนจอพับได้กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดและในฐานะที่เราเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำสมาร์ทโฟนแบบพับได้ เรามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้งานสุดพิเศษที่จะยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกๆ วัน และเราจะไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Foldables เช่น การมีจอภาพใหญ่บนมือถือขนาดกระทัดรัดและทนทาน การถ่ายภาพและวิดีโอด้วยโหมด Flex การมัลติทาสก์ผ่านการแบ่งหน้าจอด้วย S Pen และความสามารถในการพับอุปกรณ์ในลักษณะต่างๆ เรามีความยินดีที่จะยกระดับประสบการณ์การใช้งานไปพร้อมๆ กับพาร์ทเนอร์ผู้นำทางธุรกิจต่างๆ เช่น Google ที่จะรองรับแอพลิเคชั่นและบริการเสริมต่างๆ มากมายบนสมาร์ทโฟนจอพับได้”

นอกจากนี้ เขายังคาดว่าความนิยมในอุปกรณ์ที่สามารถพับได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 ยอดขายของสมาร์ทโฟนจอพับได้ในตลาดโลกเติบโตมากกว่าสี่เท่าหากเทียบกับช่วงปี 2563 ซึ่งมากกว่าการประมาณการยอดขายที่คาดไว้ถึงสามเท่า ยอดขายที่เติบโตของ Galaxy Z Series อาทิ Galaxy Z Fold 3 และ Z Flip 3 ในหนึ่งเดือนเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและความต้องการของตลาดที่เติบโต โดยยอดขายเพียงหนึ่งเดือนนี้ มีมูลค่ามากกว่ายอดขายสมาร์ทโฟนพับได้ของทั้งปี 2562

ยืนหนึ่งเรื่องการส่งมอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ยังได้เน้นถึงพันธกิจของซัมซุงที่จะทำให้เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดสามารถจับต้องได้ว่า “กว่าสิบปีแล้วที่ซัมซุงมีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานเกี่ยวกับการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแต่ละประเทศ แม้ว่าตอนนี้สัญญาณ 5G อาจยังไม่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ แต่ผมยืนยันว่าผู้บริโภคในภูมิภาคนี้จะต้องได้รับประโยชน์จากการใช้สัญญาณ 5G เมื่อถึงเวลาอย่างแน่นอน และผมยังเชื่อมั่นว่าอุปกรณ์ซัมซุงที่รองรับ 5G จะเป็นตัวเลือกแรกของผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียตลอดจนทุกประเทศทั่วโลกอย่างแน่นอน”

เทคโนโลยี 5G คือกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนและ Ecosystem ของ Samsung Galaxy ซึ่งต้องอาศัยการใช้งานร่วมกันกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy โดย Ecosystem นี้ พร้อมยกระดับการใช้งานระหว่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Watch หรือหูฟังอัจฉริยะ Galaxy Buds รุ่นต่างๆ รวมถึงประสบการณ์การใช้งานเสมือนคอมพิวเตอร์จาก Galaxy Tablets ผ่านแอพ Samsung Dex

ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในระหว่างที่เรามุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์การใช้ สมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน เรายังเล็งเห็นถึงความต้องการการเชื่อมต่อในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เราจึงพยายามอย่างไม่ลดละที่จะคิดค้น พัฒนา และต่อยอด Ecosystem ของเราให้บรรดาสาวก Galaxy ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นและสามารถสานต่อความฝันได้อย่างแท้จริง”

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวถึงความหลากหลายของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ รวมไปถึงการพัฒนาสินค้า สมาร์ทโฟนระดับกลางซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของซัมซุง

“เมื่อเรามีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า เราจะสามารถทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสมาร์ทโฟนระดับกลางได้ ในขณะเดียวก็ยังส่งมอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนสุดล้ำด้วย เพราะเรามุ่งเน้นที่การใช้สเป็คสินค้าที่มีคุณภาพโดยเฉพาะแบตเตอร์รี่ หน่วยความจำ ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องและการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G นอกจากนี้เรายังยกคุณสมบัติพิเศษในมือถือรุ่นแฟล็กชิปของเรา อาทิ กล้องถ่ายสุดล้ำ คุณสมบัติการป้องกันน้ำและฝุ่น ใส่ลงไปในสมาร์ทโฟนระดับกลางอย่างตระกูล Galaxy A ของเราอีกด้วย” ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) กล่าวเพิ่มเติม

สร้างอนาคตที่สวยงามไปกับนวัตกรรมสินค้าเพื่อความยั่งยืน
ด้วยความตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนพลังบวกให้กับสังคม ซัมซุงจึงพยายามอย่างมากที่จะสานต่อพันธกิจ Galaxy สำหรับโลกใบนี้ (Galaxy for the Planet) และยึดถือความยั่งยืนเป็นหลักในทุกนวัตกรรมและการคิดค้นผลิตภัณฑ์ “ผมเน้นย้ำถึงความสำคัญของความยั่งยืนในทุกย่างก้าวที่เราเดิน ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการผลิต รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วจนครบวงจรกลับคืน เพื่อปกป้องโลกของเรา”

นอกจากนี้แล้ว ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ยังย้ำว่าซัมซุงกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ ผู้ซึ่งยึดมั่นการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับคุณภาพชีวิตมนุษย์และขับเคลื่อนประชาคมโลกด้วยแผน Generation17 ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลก ร่วมกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ซึ่งมุ่งมั่นที่จะบรรลุความตกลง 17 ประการ

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้นำเยาวชนจากสองรุ่น ทั้งหมด 17 คน จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียได้รับเชิญให้เข้าร่วมสุดยอดการประชุมเป็นครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือ Tamara Dewi Gondo Soerijo ผู้ก่อตั้งองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสตรี ด้วยการยกระดับความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ และ Thuy Anh Ngo จากประเทศเวียดนาม ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นมือถือแก่ผู้สูงวัยเพื่อช่วยเหลือในเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ

เพราะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียเปี่ยมล้นไปด้วยประชากรกลุ่มเยาว์วัย ซัมซุงจึงเล็งเห็นการเติบโตอย่างมากในระบบเศรษฐกิจยุคดิจิทัล ที่ขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยาน ไลฟ์สไตล์และความสามารถด้านเทคโนโลยีของเหล่าเยาวชนยุคใหม่

ทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) กล่าวสรุปว่า “เหตุผลที่ซัมซุงต้องเป็นที่หนึ่งในโลกสมัยใหม่นี้ ก็เพราะเป็นความต้องการของอนาคตที่เรียกร้อง ผู้บริโภครุ่นเยาวชนของเราต้องการความน่าเชื่อถือ และสร้างประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อแสดงความมีเอกลักษณ์ของตนเอง รวมถึงการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ซึ่งเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมต่อโลกและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน”

ที่มา: เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี