แอสเพ็น เทคโนโลยี อิงค์ (Aspen Technology, Inc. (NASDAQ: AZPN) บริษัทผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์เชิงอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลกประกาศวันนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในแอสเพ็นเทคโดย Emerson Electric Co. (NYSE: EMR) (“อิเมอร์สัน”) เสร็จสมบูรณ์ พร้อมผนวกรวมธุรกิจของ OSI Inc. และ Geological Simulation Software (GSS) ของอิเมอร์สันให้เป็นส่วนหนึ่งของแอสเพ็นเทค โดยอิเมอร์สันได้จ่ายเงินจำนวน 6.0 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับผู้ถือหุ้นของแอสเพ็นเทค ในการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 55% ในแอสเพ็นเทค นอกจากนี้ อิเมอร์สันและแอสเพ็นเทคยังร่วมกันยกระดับความร่วมมือทางการค้า ซึ่งส่งให้แอสเพ็นเทคสามารถเพิ่มธุรกิจในตลาดปัจจุบันและเจาะตลาดใหม่มากขึ้นได้ ในปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานมากกว่า 3,700 คนในสำนักงาน 62 แห่งใน 41 ประเทศ
แอสเพ็นเทคมุ่งนำเสนอพอร์ตโฟลิโอของซอฟต์แวร์เชิงอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายให้แก่ลูกค้า โดยเน้นที่ศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวัฏจักรชีวิตของสินทรัพย์ของลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมแนวดิ่งนานาประเภท และภายหลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้จะส่งให้แอสเพ็นเทคมีศักยภาพสูงมากขึ้นกว่าเดิม สามารถตอบสนองความต้องการต่อทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยังมีผลกำไรและมีความยั่งยืน อันเป็นวัตุประสงค์สำคัญสองประการขององค์กรในปัจจุบัน
แอนโทนิโอ เพทรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแอสเพ็นเทค กล่าวว่า “องค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมทั้งหลายล้วนให้ความสำคัญกับความท้าทายสองประการ คือ ผลกำไรและความยั่งยืนในระยะยาว และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมที่ผสมผสานกันใหม่ของเรามาช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งด้านความสามารถในการทำกำไรและความยั่งยืน ในวันนี้ เราก้าวเป็นแอสเพ็นเทค ‘ใหม่’ ที่เต็มไปด้วยศักยภาพที่สูงขึ้น นวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น ในโซลูชันที่สเกลขนาดใหญ่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเราในอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายอันเป็นผลจากการผนวกรวมโซลูชันของ OSI และ GSS”
บริษัทหลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
นับตั้งแต่การจัดตั้งบริษัทช่วงต้นทศวรรษ 1990 OSI มุ่งเน้นธุรกิจระบบขนส่งและการจัดจำหน่ายให้กับองค์กรสาธารณูปโภคในภาคอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ซึ่งทำให้ OSI อยู่ท่ามกลางกระแสความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดมากขึ้นทั่วโลก ความต้องการบริหารความซับซ้อนของการนำพลังงานมาใช้ใหม่และจำนวนแหล่งพลังงานประเภทอื่นๆ ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ตลาดสาธารณูปโภคและตลาดด้านพลังงานจึงเป็นโอกาสธุรกิจใหม่สำหรับแอสเพ็นเทคที่ขายโซลูชันของเราเพิ่ม
ทั้งนี้ GSS เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจซอฟต์แวร์ Subsurface Science and Engineering (SSE) ซึ่งช่วยให้แอสเพ็นเทคสามารถจัดหาโซลูชั่นแบบครบวงจร เพื่อขายพ่วงไปในตลาดทั้งห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของ GSS และขยายไปสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ซึ่งนับว่าเป็นการประสานโยงอย่างสมบูรณ์จากแหล่งเก็บพลังงาน (Reservoir) ไปยังสถานีบริการน้ำมันและไปยังกระบวนการผลิตสารเคมี นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใต้พื้นที่ผิว (Subsurface technologies) ของ GSS สำหรับการกักเก็บคาร์บอน (Carbon sequestration) พลังงานน้ำและพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal and hydro energy) รวมถึงการขุดโลหะหายากสำหรับการใช้งานต่างๆ เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า อันเป็นหนทางสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวขององค์กรอีกด้วย
แอนโทนิโอกล่าวเสริมว่า “แอสเพ็นเทคได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าที่ตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่ของเราและการผนวกเทคโนโลยีชั้นนำใหม่ๆ เนื่องจากลูกค้าของเราเข้าใจถึงประโยชน์ของการผนึกเชิงยุทธศาสตร์ครั้งนี้เป็นอย่างดีว่า จะสามารถช่วยลูกค้ายกระดับประสิทธิภาพและนวัตกรรมในองค์กรของตนเองให้สูงขึ้น และท้ายสุด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้”
“เราเชื่อว่าลูกค้าของ OSI และ GSS จะตระหนักถึงคุณค่าของแอสเพ็นเทค และได้รับประโยชน์จากประสบการณ์ในด้านนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์เชิงอุตสาหกรรมที่ใช้เงินทุนสูงที่มีมานานกว่า 40 ปีของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิรูปด้านดิจิทัล แอสเพ็นเทคสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของเราช่วยเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และเคมีให้ทันสมัยได้ตลอดเส้นทาง”
ที่มา: คอมมิวนิเคชั่น อาร์ต