ผู้ใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-finance จำนวนมากกว่าครึ่ง (67%) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อว่าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (small and medium businesses – SMB) ควรเริ่มใช้การชำระเงินทางดิจิทัล (digital payment) สำหรับธุรกรรมทางการเงิน ข้อมูลนี้มาจากผลการศึกษาผู้ใช้ 1,618 คนที่ดำเนินการโดยแคสเปอร์สกี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อศึกษาทัศนคติและความท้าทายของผู้ใช้การชำระเงินดิจิทัลในภูมิภาค
ข้อมูลของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริโภคในมาเลเซีย (72%) ชื่นชอบการนำระบบชำระเงินดิจิทัลของ SMB ไปใช้อย่างมาก ตามมาด้วยสิงคโปร์ (68%) และฟิลิปปินส์ (68%)
ความต้องการระบบการชำระเงินแบบไร้การสัมผัสไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสะท้อนถึงวิถีการใช้จ่ายอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้น 162% หรือ 179.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 โดยการชำระเงินดิจิทัลคิดเป็น 91% ของธุรกรรมทั้งหมด ตามรายงานของบริษัทวิจัย IDC
การสำรวจได้แสดงให้เห็นความเชื่อโดยรวมของผู้ตอบแบบสอบถาม 64% ระบุว่ากระเป๋าเงินโมบายวอลเล็ตสามารถส่งเสริมธุรกิจในเชิงบวกได้ด้วยการเพิ่มรายได้ ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นมากที่สุดกับแนวคิดนี้ (71%) ตามมาด้วยมาเลเซีย (68%) และเวียดนาม (64%)
จากการศึกษาพบว่า รูปแบบการชำระเงินดิจิทัลที่ใช้บ่อยในหมู่ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่
- แอปชำระเงินมือถือ (58%)
- บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตผ่านแอปมือถือ (53%)
- บัตรเดบิต (36%)
- บัตรเครดิต (33%)
- บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์ (31%)
ผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคจำนวนเกือบสามในห้า (59%) ระบุว่า ตนเองจะซื้อสินค้ามากขึ้นในร้านค้าที่รับชำระเงินทางดิจิทัล ผู้บริโภคชาวมาเลเซีย (70%) มีแนวโน้มเช่นนั้นมากที่สุด รองลงมาคือเวียดนาม (63%) และฟิลิปปินส์ (59%)
สำหรับผู้ตอบแบบสำรวจทั่วทั้งภูมิภาค เหตุผลหลักสามประการที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสะดวกสบายในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้คือ ความสะดวก ความง่ายในการเข้าถึง และความเป็นส่วนตัว
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ยังตระหนักถึงปัญหาที่ขัดขวาง SMB ในการเปิดรับเทคโนโลยีนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ (27%) กล่าวว่าธุรกิจในท้องถิ่นยังไม่พร้อมที่จะใช้การชำระเงินทางดิจิทัล เนื่องจากปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตและการขาดอุปกรณ์
ในประเด็นนี้ ฟิลิปปินส์เห็นด้วยสูงที่สุด (31%) รองลงมาคือเวียดนาม (30%) อินโดนีเซีย (29%) และไทย (28%) สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วมีสัดส่วนลดลง คือ มาเลเซีย (21%) และสิงคโปร์ (20%)
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้ให้บริการหรือผู้ขายอีคอมเมิร์ซถูกโจมตีทางไซเบอร์ การสำรวจแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าในร้านค้าที่มีการละเมิดข้อมูลโดยทั่วไปลดลง 42%
นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “เป็นที่น่าสังเกตว่าในขณะที่ผู้บริโภคเปิดรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและไว้วางใจเครื่องมือเหล่านี้ที่ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินราบรื่นและรวดเร็ว แต่ผู้บริโภคก็ยังเริ่มตระหนักถึงอันตรายและความเสี่ยงของภัยคุกคามทางไซเบอร์ในชีวิตส่วนตัวของตน”
“ค่าใช้จ่ายของการละเมิดข้อมูลใน SMB เพิ่มขึ้น 54% แต่ด้วยการตรวจจับการละเมิดตั้งแต่เนิ่นๆ ความสูญเสียโดยเฉลี่ยจะลดลง 17% ขณะนี้ SMB อยู่ในฐานะที่จะเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ เราไม่สามารถละเลยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคได้อีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้ตัดสินใจนำธุรกิจของตนไปที่อื่น จึงขอแนะนำ SMB ในตอนนี้ให้ลงมือทำทันที”
เมื่อพิจารณาถึง SMB ทั่วทั้งภูมิภาคที่ต้องการกระแสเงินสดเพื่อพยายามฟื้นตัวหลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพที่ยาวนานกว่าสองปี แคสเปอร์สกี้ขอเสนอส่วนลดสำหรับ Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum โปรดอ่านรายละเอียดที่
https://go.kaspersky.com/SEA_SMB_Promo_KERO.html?utm_campaign=SEA21Q2KERO
ผู้เชี่ยวชาญจากแคสเปอร์สกี้ขอเสนอคำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจ SMB ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังต่อไปนี้
- ประเมินความเสี่ยง – ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความปลอดภัยของเครือข่าย ระบบ และข้อมูลของบริษัทคุณลดลง การระบุและวิเคราะห์ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นสามารถช่วยให้คุณวางแผนเพื่ออุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้
- ฝึกอบรมพนักงาน – เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายใน แนะนำให้ลงทุนเรื่องการฝึกอบรมความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับพนักงาน ให้ความรู้ว่าควรทำอย่างไรหากได้รับอีเมลที่น่าสงสัย เป็นต้น
- อัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ – ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปควรเป็นเวอร์ชันล่าสุด ซอฟต์แวร์ทุกชิ้นได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง หรือเพิ่มแพตช์ที่ปิดช่องโหว่ในการเข้ารหัสที่แฮ็กเกอร์สามารถใช้งานได้
- สำรองไฟล์เป็นประจำ – เลือกโปรแกรมที่ช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลา หรือทำให้กระบวนการสำรองข้อมูลเป็นแบบอัตโนมัติ จัดเก็บสำเนาของข้อมูลสำรองแบบออฟไลน์ เพื่อไม่ให้มีการเข้ารหัสหรือไม่สามารถเข้าถึงได้หากระบบของคุณถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
- ปรับใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง – ภัยคุกคามราคาถูกแต่อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างร้ายแรง การมองเห็นที่จำกัดและการขาดทรัพยากรส่งผลดีให้ผู้โจมตี โซลูชันความปลอดภัยอย่างเช่น Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum สามารถให้การป้องกันความปลอดภัยเชิงรุกและอัตโนมัติสำหรับข้อมูล การเงิน และทรัพย์สินของคุณทางออนไลน์
ที่มา: พิตอน คอมมิวนิเคชั่น