เทนเซ็นต์ คลาวด์ มอบพลังให้แก่ภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยการบ่มเพาะบุคลากรที่มีความสามารถและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศดิจิทัลในท้องถิ่น
ในงานสัปดาห์เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงเอเชีย (Technology for Change Week Asia) ประจำปีนี้ซึ่งจัดโดย Economist Impact บริษัท เทนเซ็นต์ คลาวด์ (Tencent Cloud) ได้กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ในขณะที่เอเชียกำลังก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยเทนเซ็นต์ คลาวด์ เชื่อว่าภาคเอกชนยังคงมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลที่คึกคักและยั่งยืนในเอเชีย
ในการอภิปรายบนเวทีเสวนาเกี่ยวกับบทบาทของโซลูชันบนคลาวด์ในการบริหารจัดการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-governance คุณพอชู เหยิง (Poshu Yeung) รองประธานอาวุโสของเทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล (Tencent Cloud International) กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จนั้นได้รับการขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่น เช่น พลเมือง และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) พร้อมกับเน้นย้ำว่าภาคเอกชนต้องมองว่าตนเองเป็นหุ้นส่วนในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยเขาได้สรุปแนวทางสำคัญสองประการที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์สามารถสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ การทำงานควบคู่ไปกับทุกภาคส่วนในระบบนิเวศ และการบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ
การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จคือกุญแจสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยในช่วงเริ่มต้นนั้น บทบาทของภาครัฐยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเริ่มขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ ขณะที่ภาคเอกชนสามารถสนับสนุนภาครัฐด้วยการให้ความรู้ทางเทคนิคและความชำนาญแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่รัฐบาล ธุรกิจในท้องถิ่น ไปจนถึงพลเมืองที่อาจยังไม่ตระหนักว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร ในเรื่องนี้คุณเหยิงได้ให้ความเห็นไว้ว่า “ในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลนั้น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน อย่างไร หรืออาจถึงขั้นไม่รู้ว่าต้องการอะไร ดังนั้น นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนทางเทคโนโลยีแล้ว ตอนนี้เรายังต้องให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจทางเลือกที่มีอยู่และหนทางข้างหน้าว่าควรจะก้าวไปในทิศทางใด”
ทุกวันนี้ ผู้บริโภคหันมาใช้บริการประจำวันผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ตั้งแต่การชำระเงิน การซื้อของ หรือแม้แต่การจองคิวรับคำปรึกษาจากสถาบันสุขภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดสถานการณ์โรคระบาด ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ รวมถึงผลักดันให้พนักงานและผู้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้ ในขณะที่ผู้ใช้ปลายทางและผู้ให้บริการต่างนำเทคโนโลยีใหม่มาประยุกต์ใช้อย่างรวดเร็ว บุคลากรที่มีความสามารถในท้องถิ่นก็จำเป็นต้องก้าวให้ทันและเพิ่มพูนทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วเหล่านี้ และสร้างความมั่นใจว่าจะมีบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีอย่างเพียงพอเพื่อสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างราบรื่น
ในฐานะบริษัทคลาวด์ชั้นนำที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความรู้ของบริษัทในการฝึกอบรมและเพิ่มพูนทักษะ หลังจากเปิดตัวโปรแกรมให้การรับรองเทนเซ็นต์ คลาวด์ (Tencent Cloud Certification Programs) อย่างเป็นทางการในปี 2564 บริษัทได้จัดทำสื่อการเรียนรู้คุณภาพสูงให้ใช้งานได้ฟรีบนแพลตฟอร์มอี-เลิร์นนิงระดับโลกอย่างคอร์เซรา (Coursera) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ร่วมมือกับคีดอน กรุ๊ป (Kydon Group) องค์กรด้านการเรียนรู้ดิจิทัลชั้นนำของเอเชีย เพื่อพัฒนาและนำเสนอหลักสูตรเกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติงและเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ให้แก่ผู้เรียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้ง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ e-governance โดยโซลูชันดิจิทัลของบริษัทได้ช่วยสร้างแพลตฟอร์ม “ดิจิทัล กวางตุ้ง ซีรีส์” (Digital Guangdong Series) ซึ่งประกอบด้วยบริการและฟังก์ชันต่าง ๆ มากกว่า 1,800 รายการ ที่เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าใช้งานได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัลเดียว โดยคุณเหยิงกล่าวว่า ความคิดริเริ่มนี้ได้ช่วยยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการออนไลน์ของภาครัฐแก่พลเมืองกวางตุ้ง
เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีคลาวด์เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเสมอมา และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในยุคหลังโควิด โดยคาดว่าการใช้จ่ายด้านคลาวด์จะสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วภูมิภาคภายในปี 2567 ขณะที่การลงทุนในคลาวด์เติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 20% มาตั้งแต่ปี 2561 ทั้งนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่