เอคเซนเชอร์ ประกาศเปิด “ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทย” (Advanced Technology Center Thailand: ATCT) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตและการพัฒนาในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการให้บริการและสนับสนุนด้านนวัตกรรมของเอคเซนเชอร์ ตั้งแต่ศูนย์ฯ ที่จัดตั้งแล้วในประเทศมาเลเซียที่เน้นการให้บริการด้านอินเทอร์แอค-ทีฟและปัญญาประดิษฐ์จนถึงศูนย์บริการด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับคลาวด์เทคโนโลยีในอินโดนีเซีย
จุดมุ่งหมายสำคัญของเอคเซนเชอร์ในการก่อตั้งศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในไทย เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเร่งพัฒนานวัตกรรมขั้นสูง และขยายขีดความสามารถด้านไอที และความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก โดยมุ่งพัฒนากำลังคนและบุคลากรให้มีทักษะและความพร้อมสำหรับอนาคต ผ่านโครงการความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรร่วมกับองค์กรธุรกิจและแวดวงเทคโนโลยีระดับภูมิภาค รวมทั้งหน่วยงานวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศ
เอคเซนเชอร์ มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทย โดยศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ ตั้งเป้าจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกว่า 300 คน เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าองค์กรต่างๆ ให้สามารถเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจใหม่ๆ และยกระดับขีดความสามารถเสริมความคล่องตัวในการทำงานและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด นอกจากนี้ เอคเซนเชอร์ยังเน้นลงทุนด้านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน มอบโอกาสให้พนักงานได้ฝึกอบรมในขณะปฏิบัติงานจริงและได้รับประสบการณ์ตรงจากการทำงานร่วมกับทีมงานจากทั่วโลก ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีเพื่อนร่วมงานจากหลากหลายเชื้อชาติ
“การเปิดศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการสร้างนักพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในไทย บริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนใน ‘ทรัพยากรบุคคล’ ซึ่งเป็นสินทรัพย์อันทรงคุณค่าและมีความสำคัญมากที่สุดต่อการพัฒนาในภูมิภาคนี้” นางสาวนิธินันท์ สมบูรณ์วิทย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวและเสริมว่า “การมีศูนย์ฯ แห่งใหม่ในไทย จะช่วยให้เราสามารถนำศักยภาพของเครือข่ายในภาคธุรกิจและเทคโนโลยีของภูมิภาคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยจะทำหน้าที่เชื่อมโยง และดึงเอาความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนแนวคิดในการทำงานที่มีประสิทธิภาพจากทั่วโลก เข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอีกด้วย”
ทั้งนี้ ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทย มีกำหนดเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ฯ ดังกล่าวที่มีอยู่กว่า 50 แห่งทั่วโลก โดยในระยะแรกจะให้บริการแก่ลูกค้าของเอคเซนเชอร์ในประเทศไทย ด้วยรูปแบบการให้บริการที่ล้ำหน้าของเอคเซนเชอร์ พร้อมด้วยความยืดหยุ่นคล่องตัวและระบบอัตโนมัติสมรรถนะสูง ลูกค้าของเอคเซนเชอร์จึงมีโอกาสเข้าถึงโซลูชันเทคโนโลยีที่หลากหลายและรองรับการข้ามสายธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมทั้งโซลูชั่นบนมือถือ เทคโนโลยีทางด้านคลาวด์ ระบบทดสอบอัตโนมัติ และบริการด้านความปลอดภัยในด้านไอที ที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน เตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา
“การก่อตั้งศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการให้บริการและการสร้างคุณค่าของเอคเซนเชอร์ในแบบ 360 องศาแก่ลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในความโดดเด่นซึ่งสร้างความแตกต่างให้กับเอคเซนเชอร์คือ ความฉับไว ที่เป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอด้านนวัตกรรมของเรา นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับการปรับสเกลของธุรกิจให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจในตลาด การเพิ่มทักษะในสายเทคโนโลยีที่สำคัญและความเชี่ยวชาญเชิงธุรกิจเฉพาะด้านให้กับบุคลากรของเราอีกด้วย ทางเรามีความเชื่อมั่นว่าศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทยนี้จะช่วยลูกค้าและองค์กรต่างๆ ให้ปรับเปลี่ยนการทำงานด้านดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวให้ทันกับโอกาสและการสร้างรายได้ใหม่ๆ ที่เข้ามาได้อย่างทันท่วงที” มร. ดิวีเยช วิทลานี่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเอคเซนเชอร์กล่าว
ที่มา: เอบีเอ็ม คอนเนค