นายกฯ มอบนโนบายดีอีเอส-ปณท ใช้ดิจิทัลช่วยคนไทยเข้าถึงบริการสาธารณสุขทั่วถึง-เท่าเทียม

“พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมตรี นำคณะพร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส และ กจญ.ไปรษณีย์ไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.สิงห์บุรี มอบนโยบายนำเทคโนโลยีดิจิทัล สนับสนุนการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้มีความทันสมัย ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีร่วมกับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยในโอกาสนี้ ได้เป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” ณ วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี ต.บางพุทธา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี และตรวจเยี่ยมโครงการนำร่องการใช้โดรนนำส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังบ้านผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม มีข้อจำกัดในการขนส่งทางภาคพื้นดิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และมอบหมายนโยบายให้ทุกหน่วยงานร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการบูรณาการและสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้มีความทันสมัย  ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม แม้ในสถานการณ์ที่มีขีดจำกัดด้านการขนส่ง อย่างเช่น กรณีภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ ความพร้อมของเครือข่ายให้บริการของไปรษณีย์ไทยที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพร้อมด้านระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ขณะที่ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่รัฐบาลลงทุนไว้ให้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ทั้งเชิงกายภาพและดิจิทัล รองรับการเดินหน้าด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัลของประเทศไทย

“เรายังมีการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G มาผนวกเข้ากับความพร้อมของโครงข่ายโลจิสติกส์ มาสนับสนุนระบบสาธารณสุข มาสู่การควบคุมแจกจ่ายยาผ่านโดรน ซึ่งจากวันนี้ทางไปรษณีย์ไทย ก็น่าจะขยายการจัดส่งไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่มีข้อจำกัดต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลจะส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้ง 5G ต่อไป โดยให้ภาคส่วนต่างๆ บูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งแผนเงิน แผนงาน แผนคน เพื่อนำศักยภาพของเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนการเดินหน้าประเทศไทยในด้านต่างๆ ตลอดจนเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน จากสถานการณ์ต่างๆ ให้มากที่สุด

“ขอชื่นชมกระทรวงดิจิทัลฯ และไปรษณีย์ไทย ที่มีการลงพื้นที่จริงและทดลองนำร่องในครั้งนี้ เปิดมิติใหม่ของการสื่อสารและการขนส่งของไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ลดภาระ ลดระยะเวลา และการส่งสิ่งของมีความปลอดภัยได้เร็วขึ้น และทำให้การสื่อสารและขนส่งของประเทศก้าวหน้าเข้าสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลมาหลายปีต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง 5G และการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รัฐบาลยืนยันว่าจะสานต่อสิ่งเหล่านี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด และรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในยุคโลกหลังโควิด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงฯ ตอบรับนโยบาย โดยการใช้ศักยภาพในการขนส่งและเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกครัวเรือนในประเทศของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในสังกัดดีอีเอส ซึ่งเป็นผู้ให้ยริการโลจิสติกส์ครบวงจรและมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยดำเนินการมาตั้งแต่มีสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด และปัจจุบันขยายผลมาให้บริการไปยังพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยน้ำท่วม

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา “โดรน” ซึ่งเป็นอุปกรณ๋เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความแม่นยำระยะไกล สนับสนุนภารกิจในการเป็นยานพาหนะจัดส่งยา รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นให้ถึงบ้านผู้ป่วย

ทั้งนี้ สถิติการให้บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ทางไปรษณีย์ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในปี 63 -64 มีปริมาณงานเฉลี่ย 48,178 ชิ้น/เดือน (ข้อมูล ก.ย. 64 ปริมาณรวม 1,011,746 ชิ้น)

สำหรับการให้บริการในพื้นที่สิงห์บุรี ซึ่งประสบอุทกภัย มีการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้แก่ผู้ป่วย รพ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และจัดส่งน้ำยาล้างไตถึงที่อยู่ผู้ป่วยของ รพ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย พร้อมดำเนินการสอดรับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงฯ จากการริเริ่มเป็นผู้ขนส่งยาจากโรงพยาบาลถึงบ้านผู้ป่วย เป็นรายแรกของไทย ให้บริการขนส่งไปยังโรงพยาบาลกว่า 400 แห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ที่มา: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม