การประชุม Ultra-Broadband Forum ครั้งที่ 7 (UBBF 2021) เริ่มขึ้นที่ดูไบวันนี้ โดยคุณ Bill Wang รองประธานสายผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงของหัวเว่ย ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในวาระการประชุมวันแรก คุณ Wang ชี้ให้เห็นว่านอกจากประโยชน์ในการประหยัดพลังงานและการเพิ่มอัตราความเร็วแล้ว โครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบยังช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ หันมาใช้ระบบดิจิทัลได้เร็วขึ้น เสนอประสบการณ์การบริการระดับพรีเมียม และสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้สูงขึ้นได้อีกด้วย
ผู้ประกอบการทั่วโลกต่างก็เพิ่มการลงทุนในเส้นใยแก้วนำแสง ปรับปรุงคุณภาพอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และพัฒนาบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ช่องทางการเชื่อมต่อส่วนตัวระดับพรีเมียมเข้ากับ OTN และ FTTR เพื่อเพิ่มรายได้จากโครงข่ายแบบประจำที่ ดังนั้น โครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบจึงค่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่ทั้งอุตสาหกรรมเห็นพ้องต้องกันในฐานะองค์ประกอบพื้นฐานของเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะ
อย่างไรก็ดี ในกระบวนการสร้างโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบสำหรับเมืองอัจฉริยะ ผู้ประกอบการยังคงประสบปัญหานานัปการ เช่น ต้นทุนสูง การส่งมอบบริการล่าช้า และการสร้าง FTTH ODN ที่จัดการได้ยาก นอกจากนี้ การปรับใช้อุปกรณ์ วิวัฒนาการของโครงข่าย และการพัฒนาบริการใหม่ ยังเป็นข้อกังวลที่ต้องแก้ไขโดยด่วนอีกด้วย
คุณ Bill Wang รองประธานสายผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงของหัวเว่ย กล่าวว่า “หัวเว่ยได้ออกผลิตภัณฑ์ซีรีส์ DQ ODN และ Edge OTN เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเร่งสร้างโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบซึ่งมองเห็นได้และจัดการได้แบบครบวงจร ทำให้ลดต้นทุนการจัดการและการรักษา (O&M) ของผู้ประกอบการลงได้มาก ตลอดจนช่วยให้ครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้าสู่โลกดิจิทัลได้แบบไฮสปีด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการได้ขยายตลาดองค์กร ได้ปรับปรุงประสบการณ์อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในบ้าน ทั้งยังลดต้นทุน และเพิ่มรายได้อีกด้วย”
DQ ODN เป็นโซลูชันที่ใช้ระบบแบบ Plug-and-play, การสแกนสำหรับการแสดงภาพทรัพยากร และ O&M แบบคลิกเดียวผ่านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อล่วงหน้า เทคโนโลยีการจดจำรูปภาพอัจฉริยะ และเทคโนโลยีม่านรับแสง ด้วยโซลูชันนี้ ผู้ประกอบการสามารถเร่งสร้างโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบซึ่งมองเห็นได้และจัดการได้แบบครบวงจร ซึ่งโซลูชันดังกล่าวมีรายละเอียดคุณสมบัติดังต่อไปนี้
– เทคโนโลยีการเชื่อมต่อล่วงหน้าที่มีค่าการลดทอนของสัญญาณที่ผ่านจุดต่อ (Insertion Loss) ต่ำ จะนำมาใช้เพื่อปรับให้เข้ากับหลากหลายโซลูชันโครงข่ายภายนอกและภายในอาคาร โดยเทคโนโลยีดังกล่าวรองรับการสร้างโครงข่ายในทุกสถานการณ์โดยไม่ต้องต่อเข้าด้วยกัน ช่วยให้สร้าง ODN ได้ง่ายขึ้นมาก เพิ่มประสิทธิภาพการสร้างถึง 70% ลดเวลาการเข้าสู่ตลาด (TTM) ลง 30% และลดต้นทุน TCO ลง 15%
– การจดจำรูปภาพอัจฉริยะและเทคโนโลยีม่านรับแสงตัวแรกของอุตสาหกรรม จะนำมาใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะที่สำคัญของสัญญาณนำแสงโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านลิงก์ ODN และดำเนินการสร้างโมเดลและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าบนแพลตฟอร์มการจัดการเครือข่าย ด้วยวิธีนี้ โทโพโลยีลิงก์ ODN และทรัพยากรต่าง ๆ จะสามารถนำมาจัดการได้อย่างแม่นยำแบบมองเห็นได้ และทรัพยากรในระยะยาวจะมีความแม่นยำได้ 100% นอกจากนี้ โซลูชันนี้สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มการส่งมอบบริการและการตรวจหาความผิดปกติของหัวเว่ย เพื่อให้ส่งมอบบริการได้รวดเร็วและตรวจหาความผิดปกติได้แม่นยำ ซึ่งช่วยลดต้นทุน O&M สำหรับผู้ประกอบการได้อย่างมาก
ส่วน Edge OTN เป็นแพลตฟอร์มช่องสัญญาณรวมแบบบริการครบวงจรในทุกสถานการณ์ โดย Edge OTN รองรับตู้ภายในอาคารและตู้ภายนอกอาคารและรองรับการปรับใช้ตู้ร่วม OLT/BBU ทั้งยังปรับให้เข้ากับการติดตั้งในทุกตู้ และตรงตามข้อกำหนดของการส่งข้อมูลแบบไฮสปีดที่ประหยัดพลังงานที่ไซต์การเข้าถึงแบบรวม
– Blade-OXC ที่ใช้การเพิ่มสมรรถนะการสลับสัญญาณผ่านระบบนำแสง LCoS จะรองรับหนึ่งสล็อตต่อหนึ่งทิศทางของระบบนำแสง ซึ่งช่วยลดการใช้พื้นที่ลง 75% โดยตัวผลิตภัณฑ์มีขนาดกะทัดรัด ยืดหยุ่น และสามารถนำไปปรับใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
– ขนาดและการใช้พลังงานลดลงมากกว่า 60% ด้วยเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ นอกจากนี้ความจุยังเพิ่มขึ้น 5 เท่าอีกด้วย
– เทคโนโลยี Liquid OTN นำมาใช้เพื่อรองรับการแยกส่วน OSU, การเข้าถึงบริการ 2M ถึง 100G, การปรับแบนด์วิดท์ Hitless แบบออนดีมานด์ และเวลาหน่วงต่ำมาก เพื่อให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้มีการเชื่อมต่อระดับพรีเมียม
อุปกรณ์ Edge OTN ที่ผสานรวมกันในระดับสูงสามารถตั้งร่วมกับ OLT ได้อย่างง่ายดายเพื่อช่วยขยายการเชื่อมต่อนำแสงระดับพรีเมียมไปยังแต่ละองค์กร โดย องค์กรขนาดใหญ่สามารถใช้โซลูชันช่องทางการเชื่อมต่อส่วนตัวแบบ OTN P2P เพื่อให้ได้การเชื่อมต่อ E2E ระดับพรีเมียม นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเปิดตัวโซลูชันนวัตกรรม OTN P2MP เพื่อช่วยให้องค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จำนวนมากสามารถปรับปรุงคุณภาพการเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการขยายพื้นที่ตลาดช่องทางการเชื่อมต่อส่วนตัวได้อีกด้วย
นอกจากนี้ คุณ Bill Wang ยังกล่าวในสุนทรพจน์ด้วยว่าโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบสามารถนำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล และสร้างฐานใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบที่การันตีประสบการณ์ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสำหรับเมืองอัจฉริยะ โดยใยแก้วนำแสงสามารถขยายไปยังโรงงานและเครื่องจักรต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ โครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบสามารถให้การเชื่อมต่อระดับพรีเมียมพร้อมระบบป้องกันสิ่งรบกวน โดยมีปริมาณแบนด์วิดท์สูงและเวลาหน่วงต่ำ โครงข่ายใยแก้วนำแสงยังสามารถรับรองการส่งข้อมูลจำนวนมากเพื่อรองรับระบบบริการการแพทย์ทางไกลเมื่อใช้ในโรงพยาบาลได้อีกด้วย
คุณ Bill Wang กล่าวทิ้งท้ายว่าโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้จากบริการบรอดแบนด์ภายในบ้านและองค์กรมีการเติบโต โดยโครงข่ายใยแก้วนำแสงเต็มรูปแบบจะช่วยให้ชีวิตและการทำงานของเราดีขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล การเชื่อมต่อนำแสงที่แพร่หลายจะสร้างความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด
รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/1664425/image1.jpg
คำบรรยายภาพ – Bill Wang รองประธานสายผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงของหัวเว่ย กล่าวปราศรัยครั้งสำคัญ