ส่องเทรนด์การใช้เทคโนโลยีของเด็ก พ่อแม่ควรรู้ กิจกรรมไหนโดนใจ

น้องๆ วัยอนุบาล จนถึงประถมในปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่าเกิดมาในยุคของเทคโนโลยี ตั้งแต่จำความได้ การใช้หน้าจอสัมผัสของสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ก็แทบจะอยู่ในสัญชาตญาณของเด็กๆ อยู่แล้ว ทำให้เกิดเทรนด์การใช้ชีวิตที่พึ่งพาสมาร์ทดีไวซ์ตั้งแต่ยังอายุน้อย พ่อแม่ที่เป็นเด็กยุค 80s หรือ 90s ใช้ชีวิตในช่วงเปลี่ยนผ่านหลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าใจเด็กๆ เพื่อที่จะใช้เวลาอันมีค่าร่วมกันได้อย่างเต็มที่ เรามาลองดูเทรนด์การใช้ชีวิตด้วยอุปกรณ์ไอทีของเด็กๆ ในยุคนี้ สิ่งไหนที่พ่อแม่ควรรู้ แล้วพ่อแม่จะมีวิธีการบริหารจัดการ การใช้หน้าจอให้มีประโยชน์สำหรับเด็กได้อย่างไรมาลองดูกัน

1. ใช้เวลาที่บ้านบนหน้าจอมากขึ้น

เราคงจะลืมกันไปแล้วว่าการเป็นเด็กนั้น เวลาว่างมีเยอะมากแค่ไหน เด็กเตรียมอนุบาลใช้เวลาที่บ้านทั้งวัน ในขณะที่เด็กที่ไปโรงเรียนแล้วก็เลิกเรียนตั้งแต่ช่วงบ่ายต้น สมัยเด็กพ่อแม่เลี้ยงเรามากับของเล่นต่างๆ วิดีโอเกมขนาดพกพา อ่านหนังสือการ์ตูน หรือไม่ก็ดูการ์ตูนบนทีวีเครื่องเดียวกับคนอื่นในบ้าน ต่างกันกับยุคที่มีสมาร์ทดีไวซ์ที่มีทั้งสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปที่ เด็กๆ จะเข้าถึงได้ทันทีที่มีเวลาว่าง เพียงแท็บเล็ตเครื่องเดียว เขาจะดูการ์ตูนก็ได้ หรือเปิดเกมขึ้นมาเล่นก็ได้ พ่อแม่ก็จะค่อนข้างกังวลใจในการหาวิธีจัดการกับลูก เพื่อจำกัดเวลาดูจอ

อย่างไรก็ตามบริษัทเจ้าของเทคโนโลยียุคนี้เข้าใจความกังวลของคนเป็นพ่อแม่ดี สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตแทบทุกยี่ห้อจึงมีฟีเจอร์ที่ทำให้เจ้าของเครื่องสามารถดูสถิติการใช้งานต่างๆ ในเครื่องได้ ซึ่งสามารถพบได้ในแท็บเล็ตสำหรับเด็กของหัวเว่ยตัวล่าสุด HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition ที่มีฟีเจอร์ Time Management บน Kids Corner ที่พ่อแม่สามารถตั้งไว้ได้เลยว่า ลูกควรจะใช้งานแต่ละแอปฯ กี่ครั้งต่อวัน และนานเท่าไร ทั้งยังมาพร้อม Posture Alerts หรือการแจ้งเตือนเมื่อใช้แท็บเล็ตในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การที่ลูกหลานมองแท็บเล็ตใกล้เกินไป หรือนอนเล่นผิดท่า เป็นการฝึกนิสัยการดูจอให้ถูกท่า และยังได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เมื่อพวกเขาโตขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้เด็กๆ เมื่อหลุดออกจากหน้าแอป Kids Corner ก็สามารถ log in เข้าใช้งานได้ด้วยตัวเองทันที

ส่วนในเรื่องสายตาระบบปฏิบัติการบนแท็บเล็ตที่อัพเดทล่าสุดก็ล้วนมี eBook Mode แบบทั้งขาวดำและซีเปีย ด้าน HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition ก็มีเทคโนโลยีที่ช่วยถนอมสายตาจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย และมาพร้อม eBook Mode สีขาวดำถนอมสายตาเช่นกัน

2. เรียนรู้ผ่านสมาร์ทดีไวซ์ในบ้าน

ทุกคนคงจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยมีของเล่นสำหรับการเรียนรู้เป็นกระดานแม่เหล็กที่วาดและลบได้เองในตัว หรือย้อนไปอีกคือกระดานดำที่ใช้ชอล์คขีดเขียน และยังมีหนังสือการ์ตูน นิทานความรู้ ที่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ซื้อมาให้อ่านมากมาย อย่างไรก็ตาม นอกจากหนังสือนิทานมากมายที่เด็กยุคนี้ยังได้อ่าน วันนี้เด็กๆ ยังมีตัวเลือกเพิ่มเติม ในการท่องโลกความบันเทิงด้วยเทคโนโลยี เช่น การใช้งานผ่านแท็บเล็ต เพราะมีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ให้ทั้งความรู้ และให้ความสนุกสนาน และแอปฯ จากผู้พัฒนารายใหญ่ต่างๆ ซึ่งมีโหมด Kids เพื่อคอนเทนต์ที่เอื้อต่อการสร้างพัฒนาการ และมีความเหมาะสมตามวัยของเด็กที่กำลังเรียนรู้

สำหรับการจัดสรรคอนเทนต์ให้เด็กเข้าถึงได้สะดวก และปลอดภัย ครอบครัวที่มีแท็บเล็ตอยู่ก็สามารถจัดสรรแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับลูกน้อยไว้อยู่บนหน้าโฮมด้วยกันเพื่อเข้าถึงได้ง่าย หรือรวมแอปฯ ไว้ด้วยกันเป็นกลุ่ม แต่ให้สะดวกก็คือ ถ้าเรามีแท็บเล็ตที่จัดสรรแอปฯ ต่างๆ ที่คัดเลือกมาแล้วว่าเหมาะสำหรับเด็ก ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ตอนนี้ Kids Corner ของ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นพ่อแม่ที่มีลูกวัยเรียนโดยเฉพาะนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่แอปฯ สำหรับเด็กรวมกันบนที่เดียว และหน้าตาน่าเล่นเท่านั้น แต่มีมุมให้เด็กๆ ได้ลับฝีมือการสร้างสรรค์ เช่น Painting รวมถึงลับคมสมองวิชาพื้นฐานต่างๆ ผ่าน Baby Panda World ที่รวมเกมผ่านด่านกับเจ้า Baby Panda ไว้มากมายนอกจากจะได้สนุกกับเรื่องราวผ่านตัวละครน่ารักๆ ระหว่างผ่านด่านเด็กๆ ก็จะได้เจอกับเกมทดลองสติปัญญาอย่างโจทย์เลข หรือควิซภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน และ Azoomee แพล็ตฟอร์มรวมเกมกว่า 200 เกม และวิดีโออีกมากมายที่ทั้งน่าสนุก พร้อมอัดแน่นไปด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับโลกกว้างในเวลาเดียวกัน นอกเหนือจากคอนเทนต์เหล่านี้ พ่อแม่เองก็สามารถบริหารจัดการได้ว่าลูกจะเข้าใช้แอปฯ ไหน และดูรูป หรือชมวิดีโอไหนได้บ้างที่เหมาะสม ผ่าน App Management และ Content Management

3. เชื่อมต่อกับเพื่อนวัยเดียวกันด้วยเทคโนโลยี

เด็กๆ อยู่บ้านในช่วงนี้ไม่ว่าจะเรียนออนไลน์จากบ้าน หรือ ปิดเทอมอยู่ที่บ้าน ก็จะคิดถึงเพื่อนๆ เป็นธรรมดา วิธีหนึ่งที่จะคลายเหงากับเพื่อนได้บ้าง คือ วิดีโอคอลกับเพื่อนๆ ที่เขาจะได้คุยและเห็นหน้าเพื่อนที่โรงเรียน หรือญาติๆ วัยเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่สามารถนัดเวลากับผู้ปกครองท่านอื่นไว้ได้เลยว่าวันไหนที่จะให้เด็กๆ คุยกัน และคิดกิจกรรมที่จะให้เด็กๆ ทำร่วมกันทางออนไลน์ไว้ล่วงหน้า เช่น ทำขนมแล้วถ่ายภาพส่งให้กัน วาดการ์ดแลกกัน หรือหากวันไหนไม่ว่างคุย ลองให้น้องๆ อัดเสียงเล่าเรื่องชีวิตประจำวัน ส่งให้กันก็ได้

เทคนิคอีกอย่างคือลองสำรวจว่าแท็บเล็ตที่ใช้มีแอปฯ หรือฟีเจอร์ไหนที่ช่วยให้น้องๆ สร้างผลงานแชร์เพื่อนๆ ได้เองบ้าง ลองปล่อยให้ลูกน้อยได้ควบคุมแท็บเล็ตเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับแชร์ให้เพื่อนด้วยตัวเขาเอง อย่าง Kids Corner ของหัวเว่ยก็จะมีกล้องและที่อัดเสียง ที่น้องๆ สามารถกดใช้งานเองได้ง่ายด้วย UI ที่เป็นมิตรสำหรับเด็ก ถ้าหากคุณแม่จะให้น้องส่งภาพขนมให้เพื่อน ก็ให้เขาถ่ายภาพแต่ละขั้นตอน ไปจนถึงผลงานหลังทำขนมเสร็จแล้ว คุณแม่ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะทำแท็บเล็ตตกหรือเลอะเทอะถ้าใส่เคสซิลิโคนกันกระแทกไว้ เช่นเคสมีหูหิ้วแบบ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition ที่มาพร้อมปากกาสไตลัสเข้าคู่กันที่มีสายยึดติดกับตัวเคส เวลาอยู่ในครัวที่คุณแม่ง่วนอยู่กับการเตรียมทำขนมก็จะไม่ต้องพะวักพะวนกับการใช้งานแท็บเล็ตของเขา เพียงคุณแม่อย่าลืมเตือนให้น้องแสดงฝีมือช่วยทำขนม ก่อนจะผันตัวเป็นช่างภาพตัวน้อยอวดขนมแสนอร่อยที่คุณแม่ทำไปแทน

จาก 3 เทรนด์ 3 สไตล์การใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ ผู้ปกครองลองสังเกตดูว่าน้องๆ มักขอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตในบ้านไปใช้แบบไหน ถ้าหากทราบแล้ว และคิดว่าต้องหาแท็บเล็ตให้ลูกซักเครื่องแล้ว สามารถมองหาแท็บเล็ตขนาดพอเหมาะจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ได้ ถ้าหากสนใจในฟีเจอร์อย่าง Kids Corner ตอนนี้หัวเว่ยมีโปรโมชันช่วงเปิดตัวของ HUAWEI MatePad T8 Kids Edition ราคา 6,490 บาท คือแถมฟรี สมาชิก BabyBus Panda World ระยะเวลา 3 เดือน มูลค่า 261 บาท สมาชิก Azoomee VIP ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 2,198 บาท และตุ๊กตา Babybus Panda มูลค่า 649 บาท รวมมูลค่าทั้งหมด 3,108 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2564 ถึง 21 ตุลาคม 2564 เท่านั้น

ที่มา: คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซชิเอทส์