บริษัททุ่มการลงทุนต่อเนื่องตามแผนสร้างการเติบโตทางธุรกิจระยะยาว
เรเซอร์ (Razer(TM)) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ (เรเซอร์และกลุ่มบริษัทในเครือ: รหัสในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง: 1337) แถลงผลการเงินที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบบัญชีจากการดำเนินธุรกิจ 6 เดือนแรกของปี โดยเก็บข้อมูลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 (ครึ่งแรกของปี)
“เรเซอร์สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในการดำเนินงานครึ่งปีแรกนี้ ซึ่งนอกจากการเติบโตที่ต่อเนื่องจากการขยายฐานอุตสาหกรรมเพื่อสร้างผลกำไรในกลุ่มธุรกิจหลักของเรา ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของเรเซอร์ยังเกิดจากตำแหน่งทางการตลาดที่เข้มแข็งและฐานผู้ใช้งานที่เชื่อมั่นในแบรนด์ของเราอย่างมาก ตลอดจนความก้าวล้ำของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านการคิดค้นนวัตกรรม การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร รวมถึงการบริหารการดำเนินงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ” นายหมิง เหลียง ตัน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรเซอร์ กล่าว
“เมื่อมองไปยังอนาคต ทั้งการเติบโตทางธุรกิจที่ต่อเนื่อง รากฐานอันแข็งแกร่ง และโอกาสอันน่าตื่นใจที่เราเล็งเห็นในตลาดวันนี้ ล้วนทำให้เรามั่นใจว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมอย่างมากในการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเราตั้งใจจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีมาลงทุนซ้ำในส่วนงานที่มีศักยภาพสูง อาทิ Razer Gold และ Razer Fintech รวมถึงเพิ่มการลงทุนกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในนิเวศระบบของเรเซอร์ เราเชื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อให้เรเซอร์บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวและมอบมูลค่าที่โดดเด่นให้แก่ผู้ถือประโยชน์ทุกฝ่าย”
ข้อมูลไฮไลต์จากผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2564
ภาพรวมบริษัท
- รายรับพุ่งสูงที่ 752.0 ล้านดอลลาร์ ด้วยอัตราการเติบโต 68.0% เมื่อเปรียบเทียบกับปีต่อปี ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ปริมาณมาก การเป็นผู้นำครองส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจฮาร์ดแวร์ และการเติบโตที่ต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจบริการ (Services segment) ของบริษัท
- อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้น 27.1% เมื่อเปรียบเทียบกับ 22.0% ของช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาทุนกับราคาขาย (Margin) ของกลุ่มธุรกิจฮาร์ดแวร์ (Hardware segment)
- กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA* (ตามเกณฑ์ที่ไม่ได้คำนวณตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป) ซึ่งถูกปรับปรุงมาอยู่ที่ 59.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตสูงถึง 1,759.4% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี จาก 3.2 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2563
- กำไรสุทธิที่ 31.3 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราขาดทุนสุทธิที่ 17.7 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2563 ผลกำไรนี้เกิดจากการเติบโตของรายรับอย่างมหาศาล การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาทุนกับราคาขาย (Margin) ที่ต่อเนื่อง และการยกระดับขีดความสามารถในการผลิต
กลุ่มธุรกิจหลัก
ฮาร์ดแวร์:
- รายรับเพิ่มขึ้น 77.0% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี โดยอยู่ที่ 677.3 ล้านดอลลาร์
- ธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripherals business) ยังสามารถรักษาสถานะผู้นำตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับเล่นเกม ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก
- ธุรกิจระบบ (Systems business) ยังครองสถานะผู้นำตลาดในกลุ่มเกมมิ่งแล็บท็อประดับพรีเมียมของสหรัฐอเมริกา และยังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องในตลาดใหม่นอกสหรัฐฯ
- หมวดธุรกิจใหม่อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเกม สามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบการถ่ายทอดสดและเก้าอี้สำหรับเล่นเกม
ซอฟต์แวร์:
- บัญชีผู้ใช้งานรวมเพิ่มขึ้น 50.0% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี โดยมีจำนวนราว 150.0 ล้านราย โดยแต่ละเดือนมีผู้ใช้งานจริงเพิ่มขึ้นมากกว่า 51.4%
- อัตราผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจซอฟแวร์ทั้งหมด ซึ่งถูกกระตุ้นด้วยกิจกรรมการเล่นเกม อีสปอร์ต และการถ่ายทอดสด
- เรเซอร์พยายามเติมเต็มประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกยึดมั่นกับนิเวศระบบของเรเซอร์ ผ่านการดำเนินงานต่าง ๆ ได้แก่
- ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 กิจกรรม Razer Cortex PC Squad Rewards Seasons 6 และ 7 ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของเกมเมอร์มากกว่า 200,000 คนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันของแต่ละซีซั่น โดยมีผู้เล่นที่ลงชื่อใช้งานเกมพีซีรวมมากกว่า 3.5 ล้านชั่วโมงในแต่ละซีซั่น
- Razer ChromaTM RGB พยายามส่งเสริมสถานะการเป็นตัวเลือกยอดนิยมของบริษัทคู่ค้า โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรบริษัทฮาร์ดแวร์ชั้นนำหลายรายผ่านโปรแกรมในอุปกรณ์เชื่อมต่อ โดยในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีเกมและแอปพลิเคชันมากกว่า 180 รายชื่อที่บูรณาการระบบแบบติดตั้งพร้อมใช้งานเข้ากับ Razer ChromaTM RGB Software Development Kit (SDK)
บริการ:
- ธุรกิจบริการ (Services business) ซึ่งประกอบด้วย Razer Gold และ Razer Fintech เติบโต 13.8% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 72.8 ล้านดอลลาร์สำหรับครึ่งแรกของปี 2564
- อัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) อยู่ที่ 41.9% และส่งผล 15% ของกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
กลุ่มธุรกิจ RAZER GOLD
- ยอดการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มรวม (Total Payment Volume: TPV) เพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี เบื้องต้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม Razer Gold
- ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 Razer Gold ระบุจำนวนผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้วราว 30 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 25.3% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี
- การขยายพื้นที่ดำเนินงานและการเพิ่มช่องทางจุดบริการในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และละตินอเมริกาซึ่งครอบคลุมผู้ใช้งานมากกว่า 130 ประเทศและช่องทางจุดบริการมากกว่า 5.6 ล้านแห่ง
- การส่งเสริมสถานะการเป็นตัวเลือกยอดนิยมของพันธมิตรด้านคอนเทนต์ โดยมีเนื้อหาสื่อบันเทิงแบบดิจิทัลมากกว่า 42,000 รายชื่อที่สนับสนุนและเพิ่มจำนวนเกมใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น
- การริเริ่มโครงการระยะยาวที่ช่วยส่งเสริมให้ Razer Gold สามารถคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างการเติบโตในขั้นต่อไป อาทิ
- การนำ Razer Gold รุกตลาดมากขึ้นสู่ภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง เช่น ละตินอเมริกา ซึ่งคาดว่าตลาดเกมในภูมิภาคนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2556
- การส่งเสริมกลยุทธ์เฉพาะประเทศทั้งในด้านคอนเทนต์และช่องทางธุรกิจ เพื่อให้ทราบถึงรสนิยมและความต้องการในรูปแบบเฉพาะของพื้นที่ที่เรเซอร์เข้าไปดำเนินธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจ RAZER FINTECH
- อัตราการเติบโตประจำปี (CAGR) ในส่วนการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มรวม (TPV) มีอัตราอยู่ที่ 63.7% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
- กว่า 95% ของ TPV มาจากธุรกิจ Razer Merchant Services (RMS) ซึ่งเป็นธุรกิจการบริหารการชำระเงินแบบธุรกิจต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งให้การสนับสนุนผู้ค้ามากกว่า 60,000 รายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ธุรกิจ RMS มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ในขอบเขตต่าง ๆ ดังนี้
- TPV: ระบุอัตราการเติบโต 79.5% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี มูลค่าที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2564 ส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อขายในตลาดอีคอมเมิร์ซ การส่งอาหาร และการเติมเงินในอีวอลเล็ตต์
- การรับผู้ค้าเข้าระบบ: ระบุอัตราการเติบโต 88.6% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี ด้วยจำนวนผู้ค้ามากกว่า 60,000 รายทั้งจากธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และบริการอาชีพ/พาณิชย์
- การจดทะเบียนหลักและการขยายเครือข่าย: การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มั่นคง ขอบเขตธุรกิจที่กว้างขวาง และการจดทะเบียนเพิ่มเติมที่มั่นคงยิ่งขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การดำเนินธุรกิจองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG)
- การพัฒนาแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วยโร้ดแมประยะ 10 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #GoGreenWithRazer ที่สนับสนุนโดย 4 โครงการหลัก ได้แก่ Green Organization (องค์กรสีเขียว), Green Products (ผลิตภัณฑ์สีเขียว), Green Community (ชุมชนสีเขียว) และ Green Investments (การลงทุนสีเขียว)
- การประกาศแผนงานทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อนำแบรนด์เรเซอร์สู่การสร้างอนาคตสีเขียวยิ่งกว่า นั่นคือ
- ภายในปี 2564:
Green Organization: งดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
Green Products: การใช้บรรจุภัณฑ์สีเขียว
- ภายในปี 2568:
Green Organization: การใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
Green Products: ผลิตภัณฑ์ 100% สามารถนำมารีไซเคิลได้กับทางเรเซอร์
- ภายในปี 2573:
Green Organization: เป็นกลางทางคาร์บอน 100%
Green Products: ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%
- ในฐานะส่วนหนึ่งของการผลักดันเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก กลุ่มบริษัทจึงจับมือเป็นพันธมิตรกับองค์กร Conservation International ในเดือนตุลาคม 2563 และเปิดตัวแคมเปญ Sneki Snek ซึ่งโดยใช้มัสคอตเพื่อความยั่งยืนยอดนิยมของเหล่าแฟนเรเซอร์เป็นสื่อกลาง ข้อมูล ณ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ระบุว่ากลุ่มบริษัทสามารถดูแลต้นไม้ได้มากกว่า 500,000 ต้น
การลงทุนเพื่อการเติบโต
- นิเวศระบบที่เน้นเกมเป็นศูนย์กลางของเรเซอร์ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกลุ่มบริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเกิดโอกาสในตลาดใหม่อันน่าตื่นใจ
- เกม อีสปอร์ต และฟินเทค ถือเป็นแนวทางธุรกิจที่สร้างความเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเข้าไปมีบทบาทในวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน
- การลงทุนที่สำคัญ ครอบคลุมถึง
- ฮาร์ดแวร์: การลงทุนเพิ่มเติมจะถูกจัดสรรให้กับการวิจัยและการพัฒนาทั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับเล่นเกมที่น่าตื่นใจและสินค้าฮาร์ดแวร์ประเภทใหม่
- ซอฟต์แวร์: พัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อครองสัดส่วนผู้ใช้งาน สร้างการมีส่วนรวม และรักษาฐานผู้ใช้งาน รวมถึงสำรวจโครงการสร้างรายได้และเสริมความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูลให้ลึกยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนและยกระดับกิจกรรมของผู้ใช้งาน
- บริการ:
Razer Gold: ขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคใหม่ ๆ ทั่วโลกและเน้นรุกตลาดที่มีการเติบโตสูง เช่น ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเสริมโครงสร้างพื้นฐานหลัก และรับสมัครบุคคลที่มีทักษะสูงเพื่อมาช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งาน เพิ่มจำนวนผู้ใช้รายใหม่ และเพิ่มปริมาณการใช้งาน/การจ่ายเงินจากผู้ใช้แต่ละคน
Razer Fintech: การลงทุนเพิ่มเติมจะถูกจัดสรรให้กับการขยายธุรกิจให้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขนาด TPV อย่างรวดเร็วพร้อมขยายฐานผู้ค้า เพิ่มความสามารถของบริการต่าง ๆ สำหรับลูกค้าในปัจจุบัน และการควบรวมกิจการ/การลงทุน
คาดการณ์ปีงบประมาณ 2564
เรเซอร์มีการตรวจตราสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิดในระหว่างเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โดยตั้งใจดำเนินธุรกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงาน ซึ่งยังคงอยู่ในแนวทางการสร้างความเติบโตของรายรับและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างมั่นคง พร้อมเพิ่มการลงทุนเพื่อสร้างความเติบโตตลอดปี 2564
สิ่งที่คาดการณ์ไว้ตลอดปีนี้ ได้แก่
- การเติบโตของรายรับที่มั่นคง:
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่
- การเพิ่มฐานผู้ใช้งานซอฟต์แวร์
- การขยายธุรกิจบริการให้ต่อเนื่อง
- การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง:
- การตรวจสอบหลักเกณฑ์การบริหารต้นทุน
- การเพิ่มส่วนต่างราคาทุนกับราคาขาย (Margin) ของฮาร์ดแวร์
- การเพิ่มส่วนต่างราคาทุนกับราคาขาย (Margin)ทั้งฮาร์ดแวร์และบริการต่าง ๆ เพื่อเสริมรายรับรวม
- การเพิ่มการลงทุนเพื่อความเติบโต:
- การนำผลกำไรมาลงทุนซ้ำในส่วนงานที่มีศักยภาพสูง อาทิ Razer Gold และ Razer Fintech
- การลงทุนดังกล่าวยังเกี่ยวกับการเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานเมื่อขยายธุรกิจบริการของบริษัท
- การเพิ่มอัตราการลงทุนกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในนิเวศระบบของเรเซอร์
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงจากเอกสารรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 ของกลุ่มบริษัท ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ให้สอดคล้องตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รายละเอียดเรื่องการดำเนินธุรกิจองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ของเรเซอร์สามารถดูได้ในเว็บไซต์ http://www.razer.com/go-green
ที่มา: มิดัส คอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล