ซัมซุงครองตำแหน่งเจ้านวัตกรรมระดับโลก เปิดตัว Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชันที่ 3

ซัมซุงพร้อมนำทุกคนเข้าสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชันที่สาม อย่าง Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 5G ที่มาพร้อมการออกแบบอย่างประณีต นวัตกรรมล้ำสมัยระดับแฟลกชิป และการนำความคิดเห็นของผู้ใช้ที่ต้องการให้สมาร์ทโฟนมีความแข็งแกร่งขึ้น เพื่อพร้อมรองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมาพัฒนาให้เกิดขึ้นจริง

Galaxy Z Fold3 5G คือขุมพลังสำหรับการใช้งานแบบมัลติทาส์กอย่างแท้จริง ด้วยจอแสดงผล Infinity Flex ขนาด 7.6 นิ้ว ที่พร้อมรองรับการใช้งาน S Pen บนสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เป็นครั้งแรก ในขณะที่ Galaxy Z Flip3 5G มาพร้อมกับดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว แต่กะทัดรัด พกพาสะดวก รวมถึงหลากหลายฟีเจอร์อันล้ำสมัย กล้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และหน้าจอด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อการใช้งานได้รวดเร็วในทุกขณะ

ดร. ทีเอ็ม โรห์ ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “ซัมซุง ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำด้านสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อนวัตกรรมอันก้าวล้ำไปสู่ Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 5G ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนที่จะมากำหนดนิยามและปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายและง่ายดายเหมาะสำหรับโลกในปัจจุบัน ร่วมไปกับเหล่ากาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ที่มาพร้อมระบบนิเวศแบบเปิดและนวัตกรรมอีกมากมาย”

การสร้างสรรค์อันประณีตที่มาพร้อมที่สุดแห่งความแข็งแกร่ง

Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 5G มาพร้อมมาตรฐานการทนน้ำระดับ IPX8 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนตระกูล Z Series พร้อมด้วยวัสดุตัวเครื่องที่ทำมาจาก Armor Aluminum ซึ่งเป็นอลูมิเนียมที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยนำมาใช้กับสมาร์ทโฟน รวมถึง Corning(R) Gorilla(R) Glass Victus(TM) ที่ช่วยปกป้องเครื่องจากรอยขีดข่วนและการตกหล่น พร้อมฟิล์มกันรอยแบบยืดชนิดใหม่ (Stretchable PET) และการปรับชั้นแผงหน้าจอหลัก ซึ่งส่งผลให้หน้าจอมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80%

นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้คงนวัตกรรมบานพับ ‘Hideaway Hinge’ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการพับไปอย่างสิ้นเชิงด้วยความสามารถในการกางออกและปรับองศาหน้าจอได้ตามต้องการเมื่อใช้งาน Flex mode พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยผลการทดสอบความแข็งแกร่งต่อการพับ 200,000 ครั้ง จาก Bureau Veritas ทั้งนี้ Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 5G ยังได้มีการปรับเส้นใยไฟเบอร์ของ Sweeper technology ที่ทำหน้าที่กันฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าไปที่บานพับให้มีขนาดสั้นลง ทำให้เครื่องบางเบา โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น โดยในด้านประสิทธิภาพการทำงาน สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ต 5nm AP ที่ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีกับ 5G band ทำให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้ได้อีกด้วย

Samsung Galaxy Z Fold3 5G: ที่สุดของประสิทธิภาพบนสมาร์ทโฟนทั้งด้านการทำงานและความบันเทิง

ดื่มด่ำกับการรับชมคอนเทนต์บนหน้าจอขนาดใหญ่โดยไม่มีจุดรบกวนสายตา ด้วยหน้าจอแสดงผล Infinity Flex ขนาด 7.6 นิ้ว และกล้องใต้จอ (Under display camera) พร้อมเทคโนโลยีการแสดงผลหน้าจอ Eco แบบใหม่ ที่ให้ความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้นถึง 29% แต่ใช้พลังงานลดลง รวมถึงอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz มอบการแสดงผลที่ลื่นไหลไวต่อการตอบสนอง ทั้งบริเวณหน้าจอด้านนอกและด้านใน

ทั้งนี้ สำหรับ S Pen ที่ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกร่วมกับสมาร์ทโฟนตระกูล Z Series นี้ เป็น S Pen เวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โดยเฉพาะ โดยมาพร้อมกับ 2 ตัวเลือก ได้แก่ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมหัวปากกาที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อปกป้องหน้าจอด้วยการจำกัดแรงกดลงบนหน้าจอหลักของ Galaxy Z Fold3 5G แต่ยังคงไว้ซึ่งความหน่วงต่ำ (low latency) เพื่อมอบสัมผัสการเขียนที่ลื่นอย่างเป็นธรรมชาติเสมือนปากกาจริง

Flex mode และ Multi-Active Window ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ซึ่งกำลังมองหาวิธีการทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต้องชื่นชอบ ด้วยความสามารถในการทำกิจกรรมหลายอย่างได้พร้อมกัน ซึ่งใน Galaxy Z Fold3 5G นี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้งาน App Pair ได้ง่ายขึ้น ผ่านการสร้างปุ่มลัด (Shortcut) เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ได้รับการจับคู่ไว้ได้อย่างสะดวกในการใช้งานครั้งต่อไป รวมถึงแถบเมนูใหม่ (Taskbar) ที่ให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชันได้ทันทีโดยไม่ต้องย้อนกลับไปที่หน้าหลัก (Home screen) ก่อนอีกด้วย

Galaxy Z Flip3 5G: ที่สุดแห่งความลงตัวของสไตล์ ฟังก์ชัน และความสนุกไร้ขีดจำกัด

Galaxy Z Flip3 5G คือสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้สามารถบ่งบอกสไตล์ของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ผ่านพาเลทสีสันที่โดดเด่น ดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว และฟีเจอร์สุดพรีเมียมมากมาย โดยจอด้านนอก หรือ Cover Screen โฉมใหม่ของ Galaxy Z Flip3 5G มาพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่า จึงสามารถดูการแจ้งเตือนหรือข้อความต่างๆ ได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องกางสมาร์ทโฟนออก หรือจะเพิ่มสไตล์ด้วยการเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ให้แมทช์กับหน้าปัดของ Galaxy Watch4 series ก็สามารถทำได้อย่างลงตัว

Galaxy Z Flip3 5G ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพสูงสุดในการถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์กล้องสุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งถ่ายเซลฟี่แบบแฮนด์ฟรีด้วย Flex mode ไปจนถึงการสแนปภาพหรือถ่ายวิดีโออย่างรวดเร็วแม้อยู่ในโหมดพับด้วยฟีเจอร์ Quick Shot นอกจากนี้ ยังมาพร้อมหน้าจอที่ลื่นไหลไม่มีสะดุดกับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ที่สามารถปรับได้โดยอัตโนมัติตามลักษณะการใช้งาน พร้อมยังยกระดับช่วงเวลาแห่งความบันเทิงไปอีกขั้นด้วยลำโพงสเตอริโอระบบเสียง Dolby Atmos(R) และเมื่อใช้งาน Flex Mode ฟีเจอร์แผงควบคุม (Flex Mode Panel) โฉมใหม่จะทำให้ปรากฏคอนเทนต์วิดีโอที่จอด้านบน ในขณะที่ผู้ใช้ยังสามารถปรับค่าต่างๆ เช่น ความสว่างหน้าจอหรือระดับเสียงที่จอด้านล่างได้พร้อมกัน

ปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่กับประสบการณ์บนสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้

เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่างเต็มศักยภาพ ซัมซุงจึงมุ่งเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อพัฒนาประสบการณ์บนแอปพลิเคชันโปรดของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการประชุมออนไลน์ที่ผสานประสิทธิภาพของ Office และ Microsoft Teams พร้อมปรับรูปแบบได้ตาม Flex Mode โดยเฉพาะอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการทำงานบน Microsoft Outlook ด้วยอินเทอร์เฟซแบบ Dual-Pane ทำให้สามารถเช็คอีเมลและพรีวิวการแจ้งเตือนต่างๆ ที่แถบด้านข้างได้พร้อมกัน เช่นเดียวกับบนเดสก์ท็อป และในครั้งนี้ ซัมซุงยังนำเสนอฟีเจอร์ใหม่อย่าง Labs เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มแอปพลิเคชันบนหน้าจอได้มากยิ่งขึ้นตามต้องการอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ซัมซุงยังให้ความสำคัญกับการทำงานของนักพัฒนา ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังการออกแบบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ โดยการเปิดตัวแพลทฟอร์ม Remote Test Lab (RTL) ให้เหล่านักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชัน ติดตั้งและทดสอบระบบได้โดยตรงแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

Galaxy Buds2: หูฟังไร้สายคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม พร้อมดีไซน์ที่ลงตัว

Galaxy Buds2 คือหูฟังไร้สายที่มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยมีมา ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์โค้งมนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความสบายให้กับผู้ใส่ ทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงยังสามารถทำงานและเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ในอีโคซิสเต็มของซัมซุงกาแลคซี่ได้อีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง โทรศัพท์ หรือประชุมออนไลน์ Galaxy Buds2 ก็เพียบพร้อมไปด้วยทุกฟีเจอร์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงไดนามิกระบบ 2 ทิศทาง ที่มอบคุณภาพเสียงคมชัด เบสนุ่มลึกและเสียงสูงที่ชัดเจน พร้อม Active Noise Cancelling ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 98% ในขณะเดียวกัน หากต้องการได้ยินเสียงบรรยากาศโดยรอบ ก็สามารถเลือกปรับ Ambient Sound ได้ถึง 3 ระดับ และหูฟังรุ่นนี้ยังมาพร้อมโซลูชันใหม่ที่สามารถเรียนรู้และจดจำ เพื่อเลือกกันเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย ทั้งนี้ ซัมซุงยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ‘Earbud fit test’ ในแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable เพื่อทดสอบการสวมใส่ให้พอดียิ่งขึ้น

รายละเอียดการวางจำหน่าย

ซัมซุงมีความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้สู่ผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการนำเสนอสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Z Series ในราคาใหม่ โดย Galaxy Z Fold3 5G วางจำหน่ายในราคา 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) มาในตัวเลือกทั้งหมด 3 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีดำ Phantom Black, สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver

ในขณะที่ Galaxy Z Flip3 5G วางจำหน่ายในราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB) มาในตัวเลือก 4 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ สีครีม, สีเขียว, สีม่วงลาเวนเดอร์ และ สีดำ Phantom Black เพิ่มความชิคด้วยเคสรุ่นใหม่ที่มาพร้อมห่วงและสายคล้องนิ้ว ซึ่งจะช่วยให้การถือและเปิดใช้งานสมาร์ทโฟนสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ซัมซุงยังให้ผู้ใช้เลือกแมทช์สีให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้มากขึ้นด้วยสีพิเศษ ได้แก่ สีเทา, สีชมพู และสีขาว เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ Samsung.com เท่านั้น
และสำหรับหูฟังไร้สาย Galaxy Buds2 จะวางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท ซึ่งถือเป็นราคาเปิดตัวที่เข้าถึงได้มากที่สุดในไลน์อัป Galaxy Buds ของซัมซุง มาในตัวเลือก 3 สี ได้แก่ สีแกรไฟต์, สีเขียว Olive และ สีม่วงลาเวนเดอร์ พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมสุดเก๋อีกมากมาย

ที่มา: เวเบอร์ แชนด์วิค