หัวเว่ยเปิดตัวโซลูชันโมดูลาร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ อัจฉริยะ (Smart Modular Data Center) 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับการประมวลผลขนาดเล็กและการประมวลแบบเอดจ์ คอมพิวติ้ง (Edge Computing) ได้แก่ FusionModule500, FusionModule800 และ FusionModule2000 ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ภายใต้พันธสัญญา “ทำทุกพื้นที่ให้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์” โดยมีผู้นำและพันธมิตรรายใหญ่ ๆ ในอุตสาหกรรมไอซีทีจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกร่วมในงานเปิดตัวทางออนไลน์
ในการกล่าวเปิดงาน นายแบรนดอน อู๋ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ หัวเว่ย เอเชียแปซิฟิก ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการทำงานที่มีความยืดหยุ่นให้ทุกอุตสาหกรรมมากขึ้นเนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก นายอู๋ ยังได้พูดถึงเทรนด์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลแบบเอดจ์ คอมพิวติ้ง เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่มีความเชื่อมโยงถึงกัน ระบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นจากการใช้การประมวลผลแบบเอดจ์ คอมพิวติ้ง และการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
อันที่จริง การคาดการณ์ของตลาดชี้ให้เห็นว่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า ร้อยละ 75 ของข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นในองค์กรจะเป็นการประมวลผลแบบเอดจ์ คอมพิวติ้ง ความต้องการในการติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์จะผลักดันธุรกิจให้หาวิธีการที่จะสามารถประมวลผลข้อมูลได้ใกล้กับผู้ใช้ปลายทางมากขึ้น ผลที่เกิดขึ้นคือ เอดจ์ ดาตาเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก จึงได้รับความนิยมมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมและรูปแบบการใช้งาน
- ภาคค้าปลีก: เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก จะติดตั้งในภายในร้านค้าปลีก เพื่อให้ผู้ขายสามารถลดช่องว่างในการขายระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
- ภาคการผลิต: เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ติดตั้งในคลังกระจายสินค้า จะรองรับการบริหารจัดการปริมาณข้อมูลสินค้าคงคลังและการจัดส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ในโรงงานต่างๆ เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์จะบริหารจัดการข้อมูลที่มาจากตัวเซ็นเซอร์ รวมถึงระบบการสื่อสารต่าง ๆ ระหว่างอุปกรณ์ อันจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT)
- ภาคโทรคมนาคม: สำนักงานกลางหลายแห่งของบริษัทโทรคมนาคมกำลังเปลี่ยนสภาพเป็นห้องประมวลผล และนำมาใช้เป็น เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อทำให้เน็ตเวิร์กมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้น
นายมาเอช โชวดารี่ สถาปนิกโซลูชันด้านผลิตภัณฑ์ แผนก Digital Power ของหัวเว่ย ได้แนะนำโซลูชันใหม่ที่ส่งตรงจาก Digital Power Innovation Experience Center ของหัวเว่ย นำเสนอการใช้งานจริงให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชม ร่วมพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วย SmartLi Inside ซึ่งเป็นระบบสำรองไฟ (UPS) แบตเตอรี่ลิเธี่ยมอัจฉริยะของหัวเว่ย ที่ทำให้ห้องหรือพื้นที่ใด ๆ สามารถกลายเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ โดยหัวเว่ย โมดูลาร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีการออกแบบให้มีพื้นยกระดับแบบเก่า ลดข้อจำกัดเดิมที่จะต้องวางในห้องที่มีเพดานสูง โดยให้ท่อแอร์ สายไฟฟ้า สายสื่อสาร มาจากด้านบนลงล่าง ทำให้อุปกรณ์สามารถใช้ได้กับห้องที่มีเพดานสูงเพียง 2.6 เมตร ซึ่งน้อยกว่าข้อจำกัดความสูงขั้นต่ำ 3 เมตรของดาต้าเซ็นเตอร์แบบเก่า
FusionModule2000 รองรับการออกแบบรูปแบบแถวเรียงเดี่ยว ด้วยการควบคุมทิศทางเดินของลมร้อนและลมเย็นที่ยืดหยุ่น และสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ช่วยลดระยะเวลาการติดตั้งและใช้งานได้ราวร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับทางเลือกแบบเดิม ๆ
FusionModule800 รองรับระบบคูลลิ่งและไฟสำรองที่ติดตั้งในแร็คที่ประกอบสำเร็จ ทำให้สามารถติดตั้งที่ไซต์ได้เสร็จภายในสี่ชั่วโมง และเริ่มให้บริการได้ในเวลาเพียงสองวัน
FusionModule500 มาพร้อมการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบตู้เดียว ที่มีการทำงานแบบสผานรวม โดยใช้เวลาในการติดตั้งเพียงสองชั่วโมง และเริ่มธุรกิจทางออนไลน์ได้ภายในสี่ชั่วโมง
ในงานเปิดตัว Smart Modular Data Center บริษัท เน็ตคราฟท์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (มาเก๊า) จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรของหัวเว่ย ได้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานร่วมกับหัวเว่ย นายเบนจิมาน หว่อง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ของบริษัท ได้กล่าวว่า “ด้วยโซลูชันหัวเว่ย โมดูลาร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่มีส่วนประกอบที่สำคัญแบบโมดูลาร์ หรือสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ คือ ให้มองว่าทุกชิ้นส่วนก็เหมือนกับชิ้นส่วนของตึกเป็นบล็อก คุณสามารถที่จะสร้างปราสาทของคุณได้ด้วยการต่อชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากนั้น คุณยังสามารถเพิ่มชิ้นส่วนเข้าไปได้อีกในอนาคตตามต้องการ หรือตามขนาดธุรกิจที่เติบโตขึ้น”
พูดให้ง่ายคือ โซลูชั่น Smart Modular Data Center ของหัวเว่ย สร้างสรรค์มาให้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์
ที่มา: แฟรนคอม เอเซีย