สถานะของ 5G กับอนาคตการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย

ทุกวันนี้ 5G กำลังรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ให้บริการเครือข่ายเริ่มได้รับผลตอบแทนจากการเปิดให้บริการเครือข่ายสัญญาณ 5G ช่วงแรกแล้ว จากสถิติที่หัวเว่ยเปิดเผยในงาน Mobile World Congress 2021 จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าฐานผู้ใช้ 5G และจำนวนอุปกรณ์ 5G ที่ใช้งานเชิงพาณิชย์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา จวบจนกระทั่งสิ้นปี พ.ศ. 2563 มีจำนวนอุปกรณ์ 5G ที่ออกสู่ท้องตลาดเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าจากปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลาเพียงสองปีเท่านั้น ขณะเดียวกันฐานผู้ใช้อุปกรณ์มือถือ 5G พุ่งแตะ 220 ล้านคน และเครือข่ายการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์แตะ 1.05 ล้านครัวเรือน เพิ่มขึ้นถึง 17 เท่า และ 21 เท่า ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หัวเว่ยยังระบุว่าสถิติดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวภายในปี พ.ศ. 2564 นี้

สิ่งสำคัญที่จะพลิกโฉมให้กับโลกเทคโนโลยีและธุรกิจในลำดับถัดไป คือการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเทคโนโลยี 5G เป็นส่วนประกอบสำคัญอันขาดไม่ได้ในการปฏิวัติกระบวนการทำงานในภาคอุตสาหกรรมให้ทรงประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

แล้วเทคโนโลยี 5G จะมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การส่งผ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้เกิดการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น การใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงเข้ามาช่วยประเมินความต้องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการจากทางไกลผ่านหุ่นโดรนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานยิ่งขึ้น การพัฒนาศักยภาพการเชื่อมต่อของกระบวนการต่าง ๆ ในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการลดขยะจากวัตถุดิบและผลผลิตส่วนเกินจากภาคอุตสาหกรรม

หัวเว่ยยังคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า กว่า 97% ของบริษัทขนาดใหญ่ทั้งหมดจะหันมาใช้งานเทคโนโลยี AI และ 55% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศจีนจะถูกขับเคลื่อนโดยเศรษฐกิจดิจิทัล รายได้กว่า 60% ของผู้ให้บริการระดับโลกจะมาจากลูกค้าระดับอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เติบโตอยู่บนรากฐานของเทคโนโลยี 5G และจะเป็นจริงได้หากทุกอุตสาหกรรมร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพ สร้างอีโคซิสเต็มเพื่อโลกที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างครบวงจร

ปัจจุบัน ทิศทางของการยกระดับอุตสาหกรรมสู่ระบบดิจิทัลยังครอบคลุมไปถึงการลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Inclusive) ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการพัฒนาอย่างไม่เท่าเทียม โดยหัวเว่ยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อคิดหานวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนาธุรกิจ SME ให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ประเทศไทยเองก็มีโครงการนำร่องของเทคโนโลยี 5G มาปรับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคุณวรรณพร เทพหัสดิน
ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “แผนแม่บทแห่งชาติเพื่อผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน: การสร้างศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน (National Policy Driving Digital Technology and Sustainable Development: Building Digital Hub of ASEAN)” ภายในงาน MWC 2021 เพื่อชี้ให้เห็นวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการวางรากฐานเพื่อขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศไทยยังได้ร่วมมือครั้งสำคัญกับหัวเว่ยเพื่อจัดตั้งศูนย์นวัตกรรม 5G EIC (Ecosystem Innovation Center) ขึ้นในกรุงเทพฯ เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมนวัตกรรมด้านดิจิทัลสำหรับแอปพลิเคชันและบริการด้าน 5G สำหรับหลายภาคอุตสาหกรรม และเป็นพื้นที่ที่จะเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการในไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับสูงสุดจาก 176 ประเทศทั่วโลกจากดัชนี สปีดเทสต์ โกลบอล อินเดกซ์ (Speedtest Global Index) ของปี พ.ศ. 2563 และยังเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ให้บริการเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ ภาครัฐของไทยได้ริเริ่มโครงการที่มีส่วนผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลหลายโครงการ อาทิ โครงการพัฒนาระบบ
คลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) โครงการเน็ตประชารัฐที่วางจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีในประเทศกว่า 24,700 จุด และโครงการศูนย์ Digital Community Center ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ทักษะด้านดิจิทัลจำนวน 2,277 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด เป็นต้น นับว่าประเทศไทยได้เริ่มก้าวแรกในการเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะวิวัฒนาการสู่โลกดิจิทัล สร้างมูลค่าใหม่จำนวนมหาศาลให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี 5G รวมทั้งยกระดับตัวเองขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียนอย่างเต็มตัว

เกี่ยวกับหัวเว่ย
หัวเว่ย ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสมาร์ทดีไวซ์ ด้วยโซลูชั่นที่ผสมผสานในสี่กลุ่มหลัก คือ เครือข่ายโทรคมนาคม, ไอที, สมาร์ทดีไวซ์ และบริการคลาวด์บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่การใช้งานทุกระดับ เพื่อทุกผู้คนทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและบริการที่ครบวงจร ของหัวเว่ยเปี่ยมด้วยศักยภาพด้านการแข่งขันและเชื่อถือได้ จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศแบบเปิด หัวเว่ยสามารถสร้างมูลค่า ระยะยาวให้กับลูกค้า เสริมสมรรถนะของผู้คน ช่วยให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีความสะดวกสบาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร ทุกรูปแบบและทุกขนาด นวัตกรรมของหัวเว่ยเน้นตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า เราทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในด้านการวิจัย เน้นค้นหานวัตกรรมด้านเทคนิคใหม่ ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกของเราให้ก้าวไปข้างหน้า เรามีพนักงานกว่า 194,000 คน ดำเนินธุรกิจในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี 2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ย ได้ที่ www.huawei.com
ติดตามเราได้ที่
http://www.linkedin.com/company/Huawei
http://www.twitter.com/Huawei
http://www.facebook.com/HuaweiTechTH
http://www.youtube.com/Huawei

ที่มา: คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์