- เซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่แบบ Full Frame Black-illuminated Exmor R(TM) CMOS ความละเอียดภาพ 10.2 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังอย่าง BIONZ XR(TM)
- ความไวแสงสูงพิเศษกับช่วง ISO ที่ขยายได้ถึง 409,600 สำหรับสภาพที่แสงน้อยมาก และช่วงไดนามิกกว้างถึง 15+ สต็อป
- โปรไฟล์สี S-Cinetone ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศาสตร์แห่งสีของกล้องภาพยนตร์ดิจิทัล VENICE และมีอยู่ใน FX9 และ FX6 Cinema Line รวมถึงรองรับการบันทึกวีดีโอที่มีความละเอียดของภาพระดับ 4K/120fps
- การออกแบบตัวเครื่องให้มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา พร้อมความสามารถในการใช้งานสูงสำหรับการถ่ายภาพในขณะที่กล้องอยู่ในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ใช้ Gimbal และ โดรน เป็นต้น
- Multi-thread (1/4-20 UNC) ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งอุปกรณ์เสริม
- ชุดด้ามจับ XLR แบบถอดได้ พร้อมช่องเสียบ XLR/TRS ขนาดมาตรฐาน 2 ช่อง
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วย Active Mode รวมถึงสามารถรองรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวโดยที่มือถือกล้องได้เป็นอย่างดี
- ระบบ Fast Hybrid Auto Focus, Touch Tracking และ Real-time Eye AF แบบเดียวกับที่ใช้ในกล้อง Alpha(TM)
- รองรับการบันทึกที่มีความละเอียด 4K/60P อย่างต่อเนื่อง ผสานการทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพและพัดลมระบายความร้อนในตัวกล้อง
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัวกล้อง Sony FX3 (ชื่อรุ่น ILM-FX3) ซึ่งเป็นกล้องวิดีโอฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Cinema Line ที่รวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีจาก โรงภาพยนตร์ชั้นนำผสานเข้ากับคุณสมบัติการถ่ายภาพขั้นสูงจากกล้อง Alpha(TM) เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ความสามารถในการโฟกัสขั้นสูง ที่มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล อีกทั้งยังถูกออกแบบมาให้สามารถถ่ายภาพด้วยมือได้อย่างลงตัว รวมถึงมีระบบกระจายความร้อนขั้นสูง เพื่อรองรับการบันทึกที่ยาวนาน ด้วยการออกแบบตัวกล้องที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้กล้อง Sony FX3 สามารถตอบโจทย์ครีเอเตอร์ รุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลายให้มีความโดดเด่นได้อย่างครอบคลุม
สร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบภาพยนตร์
ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่แบบ Full Frame Black-illuminated Exmor R(TM) CMOS ที่มีความละเอียดภาพ 10.2 ล้านพิกเซล สำหรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหว และให้ความละเอียดภาพ 12.1 ล้านพิกเซล สำหรับการบันทึกภาพนิ่งที่มีอยู่ในกล้อง FX3 ผสานการทำงานร่วมกับระบบประมวลผลภาพอันทรงพลัง อย่าง BIONZ XR(TM) เพื่อให้แน่ใจว่ามีค่าความไวแสงสูงและสัญญาณรบกวนต่ำ มาพร้อมความไวแสง ISO มาตรฐาน 80 ถึง 102,400 สามารถขยายได้ถึง 409,600 สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยให้ช่วงไดนามิกกว้างถึง 15+ สต็อป ในขณะเดียวกันกล้อง FX3 ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปลักษณ์แบบภาพยนตร์ได้ โดยไม่ต้องรอหลังการถ่ายทำ โดยใช้ S-Cinetone ที่สามารถนำเสนอศาสตร์แห่งสี ในโรงภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว ทั้งยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้อง VENICE ซึ่งเป็นกล้องเรือธงในตระกูล Cinema Line จากโซนี่ โดย S-Cinetone จะช่วยถ่ายทอดการสร้างโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติ และการแสดงออกทางใบหน้าที่สมจริงให้เข้าถึงการถ่ายทอดอารมณ์ได้สูงสุดตามวิสัยทัศน์ของนักสร้างสรรค์ รวมถึงสีที่นุ่มนวล และไฮไลท์ที่เรียบเนียนซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรับชมภาพยนตร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถรองรับการบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดของภาพระดับ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที โดยให้ภาพแบบสโลว์โมชั่นที่นุ่มนวลเป็นพิเศษสูงสุด 5x ที่ความละเอียด QFHD (3840 x 2160) พร้อมโฟกัสอัตโนมัติที่มอบความแม่นยำอย่างสูงสุด
ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพที่สะดวกสบาย
กล้อง FX3 ได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา รวมถึงโครงสร้างด้านนอกทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรง และทนทาน ด้วยขนาดเพียง 77.8 มม. X 129.7 มม. X 84.5 มม. น้ำหนักเพียง 715 กรัม ช่วยให้พกพาได้สะดวก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถือกล้องถ่ายด้วยมือโดย ไม่ใช้ Gimbal และถ่ายจากโดรน ในขณะที่อุปกรณ์เสริมอย่าง Grip กล้องถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการถ่ายภาพระยะไกล
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความคล่องตัว และประสิทธิภาพให้กับตัวกล้อง FX3 ด้วยการออกแบบให้ด้านบน และด้านข้างของตัวกล้องมีช่อง Tripod Mount แบบ 1/4-20 UNC มาให้ถึง 5 จุด เพื่อให้สำหรับติดตั้ง ด้ามจับ หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆได้โดยตรง ทำให้ง่ายต่อการพกพา ยิ่งไปกว่านั้นตัวกล้องยังมีด้ามจับ XLR Handle ซึ่งทำให้การถ่ายภาพในมุมต่ำทำได้ง่ายและคล่องตัว โดยด้ามจับนี้ยังมาพร้อมขั้วต่อคอมโบ XLR/TRS จำนวน 2 ตัว ซึ่งสามารถบันทึกเสียงดิจิทัลแบบ 4 Channel 24 bit ได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องบันทึกภายนอก มาพร้อมกับ Built-in XLR / 1/4″ TRS Adapter รวมถึงยังมีรูเกลียวสำหรับเสียบ XLR Handle ขนาดมาตรฐาน 2 ช่อง เพื่อใช้ยึดเข้ากับตัวกล้องอย่าง แน่นหนาผ่าน Multi Interface Shoe(MI) บนตัวกล้อง เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย และมั่นคงยิ่งขึ้น และมีรูเกลียวเพิ่มเติมมาให้อีกหลายจุดบนตัวกล้อง และด้ามจับสำหรับยึดอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม และสามารถช่วยรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงปรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริมเคส กล้องอีกด้วย ในขณะเดียวกัน XLR Handle สามารถ input เสียงผ่าน XLR/TRS ทั้งสองช่องทางไปยัง FX3 ด้วยไมโครโฟน XLR ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลเสียงดิจิทัลไปยังกล้องได้โดยตรงเพื่อให้ได้เสียงคุณภาพสูง
ยิ่งไปกว่านั้นกล้อง FX3 ยังมาพร้อมขุมพลังของระบบ Fast Hybrid Auto Focus และ Phase Detection จำนวน 627 จุด จะตรวจจับและรักษาโฟกัสได้อย่างแม่นยำ และราบรื่นในระหว่างการบันทึกภาพยนตร์ ผสานการทำงานร่วมกับระบบ Touch Tracking ด้วยการแตะวัตถุที่ต้องการบนหน้าจอมอนิเตอร์ระบบก็จะเริ่มโฟกัสและติดตามวัตถุนั้นทันที รวมถึงการทำงานของระบบ Real-Time Eye AF สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ โดยระบบจะสามารถตรวจจับดวงตาของตัวแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในระยะชัดตื้นหรือการถ่ายภาพที่มีอัตราเฟรมสูง โดยสามารถตรวจจับดวงตาแม้ในขณะที่วัตถุกำลังมองลงหรืออยู่ในมุมที่สูงชัน นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่า AF Transition Speed และ AF Subject Shift Sensitivity ได้ตามความต้องการอีกด้วย
ในขณะเดียวกันกล้อง FX3 ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวภายในตัวกล้องแบบ 5 แกน ผสานการทำงานร่วมกับ Gyro Sensor ทำให้สามารถรองรับการถ่ายภาพในขณะที่กล้องอยู่ในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ E-Mount ที่ไม่มีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ตัวกล้องยังมี Active Mode ซึ่งเป็นระบบป้องกันภาพสั่นไหว สำหรับรองรับการถ่ายภาพหรือวิดีโอขณะที่กล้องอยู่ในมือได้อย่างราบรื่นหรือสามารถถ่ายวิดีโอขณะที่เคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะไม่มี Gimbal ก็ตาม เมื่อใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Sony’s Catalyst Browse / Prepare หรือCatalyst Edit ที่จะมีโซลูชั่นระบบป้องกันภาพสั่นไหวเพิ่มเติม โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูล Metadata การสั่นของกล้อง เพื่อปรับเสถียรภาพของภาพให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น
ความสามารถในการใช้งานสำหรับผู้สร้างสรรค์เนื้อหา
- ความสามารถในการใช้งาน
กล้อง FX3 ยังได้รับการจัดวางตำแหน่งของ Grip และปุ่มอย่างพิถีพิถัน เพื่อความมั่นคงและความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยจัดให้ปุ่มควบคุมการใช้งานที่ใช้งานบ่อยให้อยู่ที่ด้านบนของกล้อง อาทิ ปุ่ม ISO, ม่านตา และปุ่มปรับสมดุลแสงสีขาว เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อการควบคุมและการใช้งานแบบมืออาชีพ โดยผู้ใช้งานสามารถควบคุมการใช้งานกล้องได้ด้วยมือข้างเดียว นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดฟังก์ชั่นการทำงานเองได้ถึง 140 ฟังก์ชั่นให้กับ 15 ปุ่ม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นก้านซูมที่อยู่บริเวณด้านบนของ Grip จะช่วยให้การซูมภาพคมชัด ทำให้การซูมเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีไฟแสดงการทำงานต่างๆอยู่ที่บริเวณด้านหน้า ด้านบน และด้านหลังของกล้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบได้ทันทีเมื่อกล้องทำงานอยู่ ในขณะที่จอ LCD แบบสัมผัสปรับมุมได้และสามารถเปิดด้านข้างช่วยให้ใช้งานง่าย สามารถดูจอได้จากทุกมุม แม้จะติดตั้งบน Gimbal ยังมีความไวต่อการสัมผัสเพื่อการใช้งานที่ง่ายดาย อีกทั้งโหมดการรับแสงที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้กล้อง FX3 มีการทำงานของสวิตซ์อัตโนมัติและแบบแมนนวลเหมือนกับกล้องซีรี่ย์ FX รุ่นอื่น ๆ เช่นกัน สำหรับรูรับแสง,ความเร็วชัตเตอร์ และ ISO ผู้ใช้จะสามารถตั้งค่าได้อย่างอิสระ ด้วยการกดปุ่มแบบกำหนดเองที่กำหนดไว้สั้น ๆ จะช่วยให้สามารถสลับระหว่างการล็อกหน้าปัดแบบแมนนวล และการกดปุ่มที่กำหนดเองแบบระยะยาวจะช่วยให้สามารถเปิด-ปิดการตั้งค่าอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
- ความน่าเชื่อถือ
ด้วยการทำงานของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ไม่เพียงแต่ต้องการประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงต้องการความน่าเชื่อถือและความทนทานในการทำงานเป็นอย่างมาก ทำให้กล้อง FX3 จึงมาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพและพัดลมระบายความร้อนในตัว ส่งผลให้สามารถรองรับการบันทึก 4K/60P ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องปิดระบบระบายความร้อนและไม่ต้องกังวลว่ากล้องจะหยุดทำงานเพราะความร้อน อีกทั้งพัดลมระบายความร้อนในตัวกล้องยังได้รับการปรับปรุงใหม่ให้การระบาย ความร้อนอย่างประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
- รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และความคล่องตัวในการใช้งาน
ความสามารถของกล้อง FX3 สามารถรองรับการทำงานกับโปรไฟล์ S-Log3 และ S-Gamut3 เพื่อเป็นการไล่ระดับสีที่สมบูรณ์ และข้อมูลโทนสีในแบบ 10-bit 4:2:2 ในรูปแบบ All-Intra จะช่วยในการปรับระดับสีได้ตามต้องการ ซึ่งสามารถบันทึกช่วงไดนามิกสูง และช่วงสีที่กว้างได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังรองรับการบันทึก ในรูปแบบ XAVC S(TM) และ XAVC SI ในรูปแบบ 4K(QFHD), FHD และ XAVC HS(TM)(MPEG-H HEVC / H.265, 4K เท่านั้น) ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/60P ได้ที่ 10-bit 4:2:2 อีกทั้งยังสามารถ Output วิดีโอไปยังอุปกรณ์ภายนอก RAW 16-bit 4.2K โดยผ่านพอร์ต HDMI เต็มรูปแบบได้อีกด้วย
นอกจากนี้กล้อง FX3 ยังช่วยเพิ่มความรวดเร็ว และอิสระในการถ่ายภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยช่องใส่การ์ด CF-Express Type-A แบบคู่ โดยสามารถบันทึกข้อมูลเดียวกันลงในการ์ดทั้งสองพร้อมกันได้ เพื่อเป็นการสำรองข้อมูลและโหมดรีเลย์การบันทึกและสามารถเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลได้ โดยจะเปลี่ยนไปใช้การ์ดใบที่ 2 โดยอัตโนมัติ เมื่อการ์ดใบแรกเต็มระหว่างการบันทึก ในขณะที่กล้อง FX3 ยังได้รับการปรับปรุงด้านการเชื่อมต่อขั้นสูง เพื่อตอบโจทย์การทำงานของครีเอเตอร์ในระดับมืออาชีพได้ดียิ่งขึ้น ด้วยตัวกล้องที่รองรับ Wireless LAN ที่เร็วที่สุดด้วยความถี่ 2.4 GHz or 5 GHz รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ LAN ผ่านสาย USB-to-Ethernet Adaptor เท่านั้นยังไม่พอยังรองรับการควบคุมกล้องระยะไกลจาก PC ผ่านแอปพลิเคชั่น Imaging EDGE Mobile ในแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน หรือผ่านแอปพลิเคชั่น Imaging EDGE Remote ในคอมพิวเตอร์โดยผ่าน Wi-Fi หรือสามารถเชื่อมต่อ SuperSpeed USB 5Gbps ผ่านสาย USB Type-C(TM) ที่จะสามารถโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูงสุด หรือระยะไกลได้เป็นอย่างดี
กล้อง FX3 พร้อมวางจำหน่ายในตลาดเมืองไทยในวันที่ 12 มีนาคม ศกนี้ ในราคา 134,990 บาท ผู้สนใจสามารถทดลองประสิทธิภาพของกล้อง FX3 ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ สาขาสยามพารากอน และโซนี่ สโตร์สาขาเซ็นทรัลพระรามเก้า สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th
เกี่ยวกับกล้องในกลุ่ม Cinema Line
Cinema Line เป็นซีรี่ส์กล้องระดับมืออาชีพที่มีรูปลักษณ์เหมือนกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของโซนี่ในการผลิตภาพยนตร์แบบดิจิทัล ทำให้เพิ่มความสามารถในการใช้งานและความน่าเชื่อถือที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้สร้างได้อย่างดีเยี่ยม
Cinema Line ประกอบด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัล VENICE ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีกล้องถ่ายรูประดับมืออาชีพ FX9 ซึ่งได้รับความนิยมในการผลิตสารคดีและละคร รวมถึง FX6 สำหรับการถ่ายทำเนื้อหาแนวแอคชั่น และล่าสุด FX3 รุ่นใหม่ซึ่งเป็นกล้องขนาดกะทัดรัดที่สุดในซีรี่ย์นี้จากโซนี่ที่จะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ที่หลากหลายให้กับผู้สร้างทุกประเภท
ที่มา: โซนี่ ไทย