ZTE เดินหน้าเสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมบรรลุการเติบโตคุณภาพสูงร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม

สวี่ จื่อหยาง ประธาน ZTE กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน Mobile World Congress (MWC) Shanghai 2021

ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค ประกาศว่า สวี่ จื่อหยาง ประธานบริษัท ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “การเสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมบรรลุการเติบโตคุณภาพสูงร่วมกัน” (Build Stronger Core Competence, Achieve High-Quality Growth Together) ในพิธีเปิดงาน Mobile World Congress (MWC) Shanghai 2021 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

คุณสวี่ระบุว่า เทคโนโลยี 5G ยังคงอยู่ในช่วงเติบโต ขณะที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะเติบโตเต็มที่แล้ว โดย ZTE ยังคงยืนยันว่าการพัฒนาในขั้นตอนนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและความไม่แน่นอนทางธุรกิจนานัปการ ซึ่งความท้าทายด้านเทคโนโลยีนั้นครอบคลุมถึงการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐาน 5G และการตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านเทคโนโลยี ZTE ได้เสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้นและแสวงหาความเป็นเลิศ

ความท้าทายที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางธุรกิจหมายถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจชัดเจน เช่น การขยายตัวในระดับใหญ่ การสร้างรายได้ และรูปแบบธุรกิจในการนำ 5G ไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม

เมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนในการขยายตัวของตลาด ZTE ได้เสริมสร้างความ “คล่องตัว” เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะของอุตสาหกรรมแนวดิ่ง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเริ่มใช้งาน สามารถทดลองและทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว และส่งเสริมโมเดลที่ประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ZTE ยินดีเปิดรับความร่วมมือในเชิงลึกและเปิดกว้างร่วมกับพันธมิตรของเราในอุตสาหกรรมแนวดิ่งและทั่วทั้งระบบนิเวศ เพื่อบรรลุการเติบโตที่มีคุณภาพสูงร่วมกัน

สุนทรพจน์ฉบับเต็มมีดังนี้

สวัสดีครับทุกคน หลายท่านอาจรู้จักพืชที่เติบโตเร็วอย่างหญ้าจักรพรรดิ (Giant King Grass) โดยภายในครึ่งปีหลังแตกหน่อ ลำต้นจะมีความสูงเพียงหนึ่งนิ้ว แต่รากกลับหยั่งลึกลงไปในดินยาวกว่า 10 เมตร และแผ่ขยายออกไปอย่างเต็มที่เพื่อดูดซับสารอาหารและสะสมพลังงาน เมื่อฝนตก หญ้าจักรพรรดิสามารถเติบโตได้สูงกว่าสองเมตรในเวลาเพียงไม่กี่วัน แล้วบริษัทจะเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผมจึงต้องการพูดถึง “การเสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมบรรลุการเติบโตคุณภาพสูงร่วมกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จร่วมกัน” ในสุนทรพจน์นี้ ผมจะแบ่งปันนวัตกรรม วิธีปฏิบัติ และแนวคิดบางส่วนของ ZTE เพื่อให้พันธมิตรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมบนเวที 5G ที่กำลังเติบโตอยู่นี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม

ปี 2563 ถือเป็นปีที่ไม่ธรรมดา การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน 5G แต่ในความเป็นจริงแล้ว จีนและอีกหลายประเทศได้ใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าและยังสามารถรับมือได้อย่างดี โดยมีเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคระบาด สำหรับผู้บริโภคนั้น โรคระบาดได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานไปอย่างมาก ทำให้บริการ ICT เป็นสิ่งจำเป็นไม่ต่างจากอากาศ น้ำ และไฟฟ้า ขณะเดียวกัน องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะ ไม่เพียงเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่เพื่อสร้างความคล่องตัวและความชาญฉลาดให้มากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมภายนอก ตลาด และเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้น

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะเต็มรูปแบบ

หลังจากผ่านพ้นสองปีของการใช้งานเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยี 5G ยังคงอยู่ในช่วงเติบโต ขณะที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะเติบโตเต็มที่แล้ว เรายังคงยืนยันว่าการพัฒนาในขั้นตอนนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและความไม่แน่นอนทางธุรกิจนานัปการ ซึ่งความท้าทายด้านเทคโนโลยีนั้นครอบคลุมถึงการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐาน 5G และการตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขณะที่ความท้าทายที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางธุรกิจหมายถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจชัดเจน เช่น การขยายตัวในระดับใหญ่ การสร้างรายได้ และรูปแบบธุรกิจในการนำ 5G ไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม

เสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้นและแสวงหาความเป็นเลิศ

เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านเทคโนโลยี เราได้เสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้นและแสวงหาความเป็นเลิศ

อันดับแรก เรามาดูวิวัฒนาการของศักยภาพเครือข่ายคลาวด์ตามความก้าวหน้าของตลาดกันก่อน ระยะที่ 1 หมายถึงช่วง 1-3 ปีแรกที่มีการใช้งานเครือข่าย 5G โดยจุดสำคัญของระยะนี้คือการหลอมรวมเพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ไซต์หลายย่านความถี่/RAT แบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในระดับสูง และ DSS ได้ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ขณะเดียวกัน มีการใช้วัสดุใหม่ กระบวนการใหม่ และเทคโนโลยี AI  เพื่อลดการใช้พลังงาน นอกจากนั้นยังยกระดับการอัปลิงก์ การใช้เอดจ์ และการประสานคลาวด์จำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายตลาด ขณะที่จุดสำคัญของระยะที่ 2 คือความชาญฉลาดและการเปิดกว้าง เมื่อปริมาณการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้น สถาปัตยกรรมแบบเปิดและแยกส่วนเทคโนโลยี AI รวมถึงเอดจ์คลาวด์ และการใช้งานเชิงอุตสาหกรรม จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการบูรณาการเครือข่ายคลาวด์ รวมถึงเทคโนโลยี uRLLC และคลื่นมิลลิเมตร ส่วนในระยะที่ 3 การใช้งาน 5G เชิงอุตสาหกรรมได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้ความต้องการบูรณาการเครือข่ายคลาวด์เพิ่มมากขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เช่น เสาอากาศขนาดใหญ่พิเศษ, Terahertz (THz), การเชื่อมต่อหลายมิติ และเครือข่าย AI-Native

ประสบการณ์ขั้นสูงสุด

เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านเทคโนโลยี เราได้สร้างสรรค์นวัตกรรมและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด สำหรับทั้งตลาดผู้บริโภคและตลาดธุรกิจ กุญแจสู่ความสำเร็จคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้งาน

สำหรับผู้บริโภคนั้น เราได้เพิ่มความครอบคลุม 30% ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ด้วยโซลูชันการกระจายสัญญาณ Massive MIMO SSB 1 + X รวมถึงยกระดับประสบการณ์ 5G ที่ครอบคลุมภายในอาคารด้วยโซลูชันที่คุ้มค่าจากการใช้ eDAS ที่เปิดใช้งานการส่งคลื่นหลายสตรีมแบบ UL/DL ผ่านซอฟต์แวร์ และการใช้ Doppler-Shift Compensation เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีแม้กำลังโดยสารรถไฟความเร็วสูงหรือเครื่องบิน พร้อมมอบประสบการณ์อันดื่มด่ำในการรับชมกีฬาและคอนเสิร์ตผ่านโฮมวิดีโอโฉมใหม่

สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมแนวดิ่งนั้น เราได้นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึงที่ดีกว่าเดิม เช่น การอัปลิงค์ที่ดีขึ้นของเครือข่าย 5G และการเชื่อมต่อ PON ที่มีความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ การรับประกัน E2E และการแบ่งส่วนเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ความหน่วงที่ต่ำลง และความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น ยังทำให้เราสามารถอำนวยความสะดวกในการขยายการใช้งานเชิงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ

ประสิทธิภาพขั้นสูงสุด

ยิ่งไปกว่านั้น เรายังแสวงหาประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพด้านคลื่นความถี่ พลังงาน และเครือข่ายในระดับสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น เราได้ส่งมอบเทคโนโลยี MU-MIMO ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า, Cloud Radio ที่มีสัญญาณรบกวนต่ำกว่า, SuperDSS ที่ช่วยให้สามารถแบ่งปันคลื่นความถี่แบบไดนามิกระหว่าง 2/3/4 /5G รวมถึงมอบประสิทธิภาพคลื่นความถี่สูงกว่าผ่าน 800 Gbps OTN ที่มีความยาวคลื่นเดียว, AIVO ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้วยการผสมผสาน AI เข้ากับขั้นตอนการสร้างเครือข่ายต่าง ๆ, PowerPilot ที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่างแม่นยำ โดยลดการใช้พลังงานลง 20% ที่ระดับไซต์ผ่านบิ๊กดาต้าและ AI นอกจากนั้นยังมีการประสานงานเชิงลึกระหว่างความถี่และ RAT เมื่อปริมาณการรับส่งข้อมูล 5G เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานพร้อมรับประกันประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ด้วยการระบุบริการแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพพลังงาน

ความสามารถหลักขั้นสูงสุด

ความสามารถหลักเป็นรากฐานที่สำคัญของประสบการณ์สูงสุดและประสิทธิภาพสูงสุด ในแง่ของชิปเซ็ตนั้น เทคโนโลยีขั้นสูงด้านการผลิต บรรจุภัณฑ์ และการออกแบบซอฟต์แวร์/ฮาร์ดแวร์ร่วมกัน สามารถช่วยเอาชนะปัญหาคอขวดตามกฎของมัวร์ได้ ขณะเดียวกัน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานด้าน IP และแพลตฟอร์มการออกแบบ IC DevOps COT แบบดิจิทัล ทำให้เราสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านการพัฒนาชิปเซ็ต นอกจากนี้ อัลกอริทึมยังถือเป็นหัวใจสำคัญของซอฟต์แวร์ และยังเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ ขณะเดียวกัน เราจะมุ่งเน้นไปที่ความสอดคล้องกันในระดับสูง ณ ระดับที่จับต้องได้ รวมถึงประสิทธิภาพสูงสุด ณ ระดับเครือข่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติ ณ ระดับบริการ ตลอดจนเดินหน้าพัฒนาห้องสมุดอัลกอริทึม AI โดยสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของชิปเซ็ตและอัลกอริทึม ร่วมถึงความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ในด้านสถาปัตยกรรม โดยในแง่ของสถาปัตยกรรมนั้น เราจะปรับปรุงการแยกส่วน ส่งเสริมสถาปัตยกรรมไมโครเซอร์วิส และบรรลุวิวัฒนาการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อก้าวสู่สถาปัตยกรรมแบบ AI-Native

เมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนในการขยายตัวของตลาด ZTE ได้เสริมสร้างความ “คล่องตัว” เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัจฉริยะของอุตสาหกรรมแนวดิ่ง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเริ่มใช้งาน สามารถทดลองและทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว และส่งเสริมโมเดลที่ประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ZTE ยินดีเปิดรับความร่วมมือในเชิงลึกและเปิดกว้างร่วมกับพันธมิตรของเราในอุตสาหกรรมแนวดิ่งและทั่วทั้งระบบนิเวศ เพื่อบรรลุการเติบโตที่มีคุณภาพสูงร่วมกัน

มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและบริการตามสถานการณ์เพื่อทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

เมื่อเผชิญกับความท้าทายอันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางธุรกิจในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง เราสนับสนุนการขับเคลื่อนด้วยคุณค่าและอิงสถานการณ์เพื่อทำให้ทุกอย่าง “ง่ายขึ้น” (EASIER)

“E” ตัวแรกย่อมาจาก “Elastic” ซึ่งบ่งบอกถึงความยืดหยุ่นของการใช้งาน การย้ายข้อมูลอย่างชาญฉลาด และการขยายเข้า/ออกที่ยืดหยุ่นของซอฟต์แวร์แหล่งเดียวและซอฟต์แวร์บนคลาวด์ ส่วน “A” ย่อมาจาก “Agile” ซึ่งหมายถึงพลังการประมวลผลตามความต้องการ นวัตกรรมที่คล่องตัว รวมถึงการทำซ้ำและจำลองแบบอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์น้ำหนักเบา ด้าน “S” ย่อมาจาก “Secure” หมายถึงความปลอดภัยที่สูงขึ้นซึ่งรับประกันโดยการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอผ่านการรักษาความปลอดภัยภายใน ขณะที่ “I” ย่อมาจาก “Intelligent” ซึ่งบ่งบอกถึงวิวัฒนาการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการทำซ้ำอัลกอริทึมแบบต่อเนื่องด้วย AI ส่วน “E” ตัวที่สองย่อมาจาก “Easy” ซึ่งหมายถึงการที่ลูกค้าสามารถใช้งานเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย ผ่านการติดตั้งและการบำรุงรักษาที่ไม่ซับซ้อนและรวดเร็ว และ “R” ย่อมาจาก “Reliable” ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ไร้ซึ่งความล้าช้า รวมถึงทรัพยากรที่รับประกันโดย TSN และเทคโนโลยีจัดสรรคลื่นแบบ hard-slicing ที่มีความละเอียดมากขึ้น

เสริมสร้างความคล่องตัว เพื่อความสำเร็จในเอดจ์

ความคล่องตัวทำให้ประสบความสำเร็จ โดยความคล่องตัวมีน้ำหนักเบาและความยืดหยุ่นเป็นรากฐาน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับความไม่แน่นอน และเนื่องจากการใช้งานในอุตสาหกรรมแนวดิ่งขยายไปสู่เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ เอดจ์จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการบ่มเพาะและการประยุกต์ใช้นวัตกรรม โดยการประยุกต์ใช้เอดจ์ที่คล่องตัวมีดังนี้

ในแง่ของฮาร์ดแวร์ เกตเวย์ภายในองค์กร บอร์ดแบบฝัง คาบิเน็ตแบบออลอินวัน และเซิร์ฟเวอร์ทุกรุ่น จะได้รับประโยชน์จากการเริ่มใช้งานได้อย่างง่ายดายและการขยายขนาดได้ตามความต้องการ

ในแง่ของซอฟต์แวร์ TECS Cloud Foundation (TCF) ช่วยเพิ่มชั้นบริการทางเทคนิคและเพิ่มพลังการประมวลผลผ่านเทคโนโลยีน้ำหนักเบา การเร่งฮาร์ดแวร์ NEO และเอ็นจินแบบ dual core โดยการประสานงานระหว่างซอฟต์แวร์กับฮาร์ดแวร์จะนำไปสู่การใช้งานที่ยืดหยุ่น รวมถึงนวัตกรรม AnyWhere, AnySize และ AnyService ที่มีความคล่องตัว

การทำซ้ำที่รวดเร็ว การเติบโตคุณภาพสูง

ในการจัดการกับความไม่แน่นอน เราจำเป็นต้องมีการปรับปรุงและการประสานงานที่ครอบคลุมในทุกสาขา เพื่อให้เกิด “การแยกส่วนเต็มรูปแบบ” “วงจรคู่” และ “การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงลึก”

“การแยกส่วนเต็มรูปแบบ” หมายถึงสถาปัตยกรรมที่แยกส่วนเพิ่มเติมตามโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เราใช้ส่วนประกอบที่ละเอียดกว่าในแนวนอนและสร้างระดับของ PaaS ที่บางกว่า เพื่อเปิดใช้งานการแยกส่วนในแนวตั้งของทั้งระดับบริการทางเทคนิคและระดับบริการทั่วไป

นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมดังกล่าวยังช่วยให้เกิดวงจรคู่ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพวงจรระหว่างระดับบริการทางเทคนิคและระดับโครงสร้างพื้นฐานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐาน และประสิทธิภาพการประสานงานของการใช้งาน ทำให้สามารถใช้เอดจ์ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ แม้จะมีทรัพยากรที่จำกัด นอกจากนี้ ระดับบริการทั่วไปและการใช้งานตามสถานการณ์ยังสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับบริการทั่วไปที่ก่อให้เกิดการพัฒนาบริการระดับบนผ่านสถาปัตยกรรม low code ขณะเดียวกันยังรวบรวมตรรกะและอัลกอริทึมสาธารณะจากระดับการใช้งาน เพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างการปรับแต่งและการปรับขนาดในระดับหนึ่ง

การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงลึกช่วยลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนที่ไร้ประสิทธิภาพผ่านการหลอมรวมหลายโหมดเข้าด้วยกัน และช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ผ่านฮาร์ดแวร์ที่ตั้งค่าเอง

ระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะเพื่อความสำเร็จร่วมกัน

ป่าฝนเป็นระบบนิเวศที่มั่นคงและแข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามารถหลักให้แข็งแกร่งขึ้นและสร้างการเติบโตคุณภาพสูงในยุค 5G ทาง ZTE มุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศที่เหมือนดั่งป่าฝนร่วมกับพันธมิตรทั้งหมดในอุตสาหกรรมเพื่อความสำเร็จร่วมกัน

อุตสาหกรรมและระบบนิเวศต้องอาศัยการประสานงานอย่างมืออาชีพมากขึ้นเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ ZTE จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะโดยอาศัยความสามารถพื้นฐานที่เปิดกว้างและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุประโยชน์ร่วมกับพันธมิตรทั้งหมด และเพื่อความสำเร็จร่วมกัน เรายินดีให้พันธมิตรในอุตสาหกรรมและระบบนิเวศทั้งหมดเข้าถึงเทคโนโลยีหลักอย่างชิปเซ็ต ฐานข้อมูล และระบบปฏิบัติการ รวมถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ E2E ICT ซึ่งครอบคลุมระบบไร้สายและมีสาย พลังการประมวลผล และการรับ-ปล่อยสัญญาณ ไปจนถึงความสามารถของ AI ข้อมูล และวิดีโอ ตลอดจนนวัตกรรม 5G ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไว้วางใจได้ ZTE มุ่งมั่นที่จะจัดการกับความท้าทายที่ยากที่สุดเพื่อขับเคลื่อนโลกด้วยความสามารถหลักของเทคโนโลยี 5G

ปี 2564 ตรงกับปีฉลู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยืดหยุ่นและความอุตสาหะในวัฒนธรรมจีน และถือเป็นจิตวิญญาณที่ ZTE ยึดถือมาโดยตลอด เราจะยังคงความจริงใจและทำตามที่พูดเสมอ เราจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทั่วทั้งอุตสาหกรรมต่อไป เพื่อรับมือกับความท้าทายและอุปสรรคทั้งหมด ขอบพระคุณครับ

สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Margaret Ma
ZTE Corporation
โทร: +86755 26775189
อีเมล: [email protected]

รูปภาพ:https://mma.prnewswire.com/media/1442829/Build_Stronger_Core_Competence__Achieve_High_Quality_Growth_Together.jpg

ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์