เอไอเอส ต่อยอดโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ในวัน Safer Internet Day ผนึกกรมสุขภาพจิต ร่วม MOU เตรียมพัฒนาแบบเรียนออนไลน์สร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัล ให้คนไทยใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย

เอไอเอส ส่งความห่วงใยให้คนไทยยุคโควิด-19 ที่ใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ หลังผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตในเดือนมกราคม ปี 2564 พบว่าประชาชนทั่วไปมีความเครียดสูง 6.25% มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า 7.85% มีภาวะเสี่ยงฆ่าตัวตาย 4.07% และมีภาวะเสี่ยงหมดไฟ 6.93% ดังนั้นจึงต่อยอดโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” มุ่งสร้างความตระหนักรู้ในเรื่อง Cyber Wellness เพื่อให้คนไทยใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างถูกวิธี ล่าสุดถือฤกษ์วัน Safer Internet Day ผนึกกำลังกรมสุขภาพจิตร่วมลงนามความร่วมมือ จัดทำแพลตฟอร์มหลักสูตรการเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทยใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 2 ของปี 2564

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “จากสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต พบว่าสื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตทั้งเป็นประโยชน์และอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ รวมถึงยังทำให้เกิดปัญหาสภาวะทางจิตใจตามมา ดังนั้นการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้ ในวาระวัน Safer Internet Day ที่รณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยทุกคน เล็งเห็นถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และใช้งานอย่างสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม เอไอเอสในฐานะ Digital Life Service Provider มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสร้างการตระหนักรู้ในเรื่อง Cyber Wellness เพื่อให้คนไทยเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizen) อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงเดินหน้าสานต่อโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ในการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะทางดิจิทัลอย่างแท้จริง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนไทยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีที่สุดบนเครือข่ายที่ปลอดภัย โดยได้ร่วมลงนามความร่วมมือ กับกรมสุขภาพจิต เพื่อสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มการเรียนรู้รูปแบบใหม่ให้แก่คนไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และพัฒนาทักษะทางดิจิทัล โดยมุ่งหวังให้เยาวชน และคนไทย ใช้ดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน และป้องกันความเสี่ยงจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยจะเปิดให้ใช้บริการภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 นี้”

ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า “กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนไทยและทั่วโลก โดยในปัจจุบัน พบว่า ช่องทางออนไลน์และดิจิทัล

กลายเป็นช่องทางสื่อสารหลักในชีวิตประจำวันของคนไทย ดังนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันบนโลกออนไลน์ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก การที่คนไทยมีความรู้ในการใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย และสร้างสรรค์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและจิตของตนเอง ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองรับมือภัยบนโลกออนไลน์ และเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ จะช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนไทยได้ในระยะยาว ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนา Cyber Wellness ให้แก่คนไทย โดยมี Mental Wellness เป็นส่วนประกอบสำคัญ เพื่อเป้าหมายในการสร้างพลเมืองด้านสุขภาพจิต หรือ Mental Health Citizen ในอนาคตทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ กรมสุขภาพจิตจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอไอเอส ในการดูแลสุขภาพจิตที่ดีของคนไทยไปพร้อมๆ กัน”

“ความร่วมมือระหว่างเอไอเอส และกรมสุขภาพจิตในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจสำคัญที่จะช่วยสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งทั้งในด้านภูมิปัญญา และด้านจิตใจให้กับคนไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนทุกคนใช้งานอินเทอร์อย่างปลอดภัย และมีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งไปด้วยกันในสถานการณ์นี้” นางสายชล กล่าวสรุป

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการอุ่นใจไซเบอร์ได้ที่ https://www.facebook.com
/ais.sustainability

เกี่ยวกับ AIS
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้นำด้าน Digital Life Service Provider อันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดรวม 1450 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดกว่า 41.4 ล้านเลขหมาย (ณ ธันวาคม 2563) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ครบ 77 จังหวัดแล้วเป็นรายแรกผ่าน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ AIS eSports, AIS Insurance ทั้งหมดนี้ เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน

ที่มา: แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส