บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ หรือ GBDi ดำเนินความร่วมมือนำข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้า มาใช้ในการขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทยให้ก้าวไปสู่องค์กรดิจิทัล พร้อมพัฒนางานบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มงานบริการหลัก ได้แก่ บริการไปรษณียภัณฑ์ บริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริการระหว่างประเทศ บริการค้าปลีกและการเงิน รวมถึงการลดข้อผิดพลาดขององค์กร นอกจากนี้ ยังเตรียมร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลบนเว็บไซต์ Thailandpostmart และอีคอมเมิร์ซชุมชนที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของไปรษณีย์ไทย เพื่อวางแผนและการพัฒนาสินค้า และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจระดับฐานราก และตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ในปี 2562 – 2563 ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทยเร่งยกระดับองค์กรให้มีความทันสมัย ด้วยการนำดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่างๆ ให้ก้าวทันกับเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัล ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้เห็นการปรับตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีความเด่นชัดทั้งในด้านงานบริการ การสื่อสาร การเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนไทย รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ที่ขณะนี้ยังถือได้ว่าไปรษณีย์ไทยเป็นโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่ได้รับความไว้วางใจในระดับที่ดีเยี่ยม
สำหรับในปี 2564 นี้ กระทรวงฯ ยังคงมุ่งมั่นและเร่งผลักดันให้ไปรษณีย์ไทยเดินหน้าองค์กรด้วยระบบดิจิทัลอย่างเข้มข้นขึ้น โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของการนำข้อมูลขนาดใหญ่หรือ บิ๊กดาต้า (Big Data) มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจในยุคอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นแนวทางในการจัดทำแผนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และรับมือสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ มั่นใจว่าไปรษณีย์ไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลพื้นฐานของผู้ใช้บริการได้ดี เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับทุกภาคส่วน และไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มศักยภาพองค์กร และไม่เพียงแค่ไปรษณีย์ไทยที่ต้องเข้าถึงเรื่องดังกล่าวเท่านั้น เพราะบิ๊กดาต้าถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทุกองค์กรในขณะนี้
นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทย ตลอดระยะเวลา 137 ปี องค์กรได้มีการเก็บข้อมูลด้านต่างๆ และมีฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับองค์กรหลากหลายประเภท ซึ่งการจับมือกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง GBDi จะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นสามารถสร้างประโยชน์ทั้งในเชิงการสร้างมูลค่า การสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน รวมถึงการเติมเต็มกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยหนึ่งในเป้าหมายของไปรษณีย์ไทยในปี 2564 คือการพัฒนาองค์กรให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล พร้อมยกระดับ งานบริการให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายในการนำพาองค์กรให้ก้าวเข้าสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
ล่าสุดไปรษณีย์ไทยจึงได้ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ หรือ GBDi ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa ดำเนินความร่วมมือนำบิ๊กดาต้ามาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์สำหรับให้บริการประชาชน และนำสารสนเทศที่เป็นผลจากการวิเคราะห์ไปใช้ในการนำเสนอข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถปรับปรุงและพัฒนางานบริการต่างๆ ได้สอดคล้อง และทันกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มงานบริการหลัก ได้แก่ บริการไปรษณียภัณฑ์ บริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริการระหว่างประเทศ และบริการค้าปลีกและการเงิน รวมถึงยังสามารถนำมาใช้ในการลดข้อผิดพลาดในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันไปรษณีย์ไทยจะยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
สำหรับความร่วมมือแรกในการนำข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ประโยชน์นั้น ไปรษณีย์ไทย และ GDBi จะร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลบนเว็บไซต์ Thailandpostmart ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลในเชิงกายภาพ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ข้อมูลของผู้ประกอบการ มาเป็นปัจจัยประกอบการวางแผนและการตัดสินใจในการกำหนดทิศทางในการพัฒนาสินค้าโอทอป ผลผลิตทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ที่นิยมเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และผู้บริโภคทั่วประเทศมากขึ้น อีกทั้งจะร่วมกันศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 รูปแบบของการตลาดและการโฆษณาที่มีผลต่อการเลือกซื้อมาช่วยผู้ประกอบการในการวางแผนธุรกิจและนำเสนอสินค้าเพื่อจำหน่ายบนเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย ที่จะเป็นกลไกช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์